แนะ! ล็อกผลตอบแทน ก่อนดอกเบี้ยขาลง กับ “พันธบัตรสหรัฐฯ”

นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ ย้ำข้อมูลว่าปัจจุบันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าร้อยละ 4 ซึ่งเป็นอัตราผลตอบแทนสูงที่สุดในรอบกว่า 10 ปี 

โดยอัตราผลตอบแทนดังกล่าว คาดว่าเป็นระดับที่รับข่าวธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแตะระดับร้อยละ 5 ในปี 2566 นอกจากนี้ หากเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2566 ตามที่นักวิเคราะห์ในตลาดคาด ธนาคารกลางสหรัฐก็มีความจำเป็นที่ต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ราคาตราสารหนี้รวมทั้งพันธบัตรระยะกลางถึงระยะยาวปรับตัวเพิ่มขึ้น ช่วยเพิ่มโอกาสสร้างกำไรอีกต่อหนึ่งสำหรับผู้ที่เข้าลงทุนในตราสารหนี้ รวมทั้งพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ในช่วงนี้ 

จากมุมมองดังกล่าว ทิสโก้จึงเปิดเสนอขาย "กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ" (TUSTREASURY) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน "iShares U.S. Treasury Bond ETF" กองทุนรวม อีทีเอฟ (ExchangeTraded Fund) ที่มีวัตถุประสงค์ในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน ให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี ICE U.S. Treasury Core Bond ซึ่งเป็นดัชนีที่ประกอบด้วยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่ออกเสนอขายแก่ประชาชนโดยทั่วไป ที่มีอายุคงเหลือมากกว่า 1 ปีแต่ไม่เกิน 30 ปี และมีมูลค่าหน้าตั๋วอย่างน้อย 300 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ซึ่งกองทุนหลักดังกล่าว บริหารและจัดการโดย BlackRock Fund Advisors 

ความโดดเด่นของกองทุนดังกล่าว อยู่ที่นโยบายลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งมีความมั่นคงสูง และ Fitch Ratings ได้จัดอันดับเครดิตสูงถึงระดับ "AAA" เหมาะสำหรับการลงทุนในช่วงที่เศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐ อาจเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2566 นอกจากนี้ ผู้จัดการกองทุน ยังสามารถนำเงินปันผลจากกองทุนหลักมาลงทุนต่อ เพื่อเพิ่มโอกาสการสร้างผลตอบแทนในระยะยาวให้โดดเด่น 

อย่างไรก็ดี ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน กองทุนจะไม่ทำการป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน ทำให้มีโอกาสที่ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนเพิ่มจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบเงินสกุลบาท และอาจจะได้รับผลขาดทุนได้จากการที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินบาท ดังนั้น กองทุนนี้จึงอาจจะไม่เหมาะกับผู้ลงทุนที่มองว่าค่าเงินสหรัฐจะอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง

โดยถ้าพิจารณาจากข้อมูลแล้ว สามารถรับความเสี่ยงได้ กองทุนดังกล่าวจะเปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) วันที่ 14-21 พฤศจิกายน 2565 มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท 

ที่มาข้อมูล : TNN ONLINE

ที่มาภาพ : TNN