TNN online หุ้นส่งออกตัวไหน ! พร้อมวิ่งรับอานิสงส์บาทอ่อน

TNN ONLINE

Wealth

หุ้นส่งออกตัวไหน ! พร้อมวิ่งรับอานิสงส์บาทอ่อน

หุ้นส่งออกตัวไหน ! พร้อมวิ่งรับอานิสงส์บาทอ่อน

โบรกมองหุ้นกลุ่มเกษตรอาหาร-ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ยังเติบโตต่อเนื่อง แรงส่งจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก ประกอบกับเงินบาทที่อ่อนค่า หนุนหุ้นส่งออก ตัวไหนแกร่ง-พร้อมวิ่งน่าลงทุนตามไปดูกันเลย

นายเอนกพงศ์ พุทธาภิบาล ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซียพลัส เปิดเผยกับ TNN Online ว่า   เงินบาททำสถิติอ่อนค่าสุดในรอบ  16 ปีครั้งใหม่ ทะลุ 37.40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ สอดรับกับสกุลเงินในตลาดเกิดใหม่ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด ส่งสัญญาณเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปี  พร้อมปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อและมุมมองต่อระดับดอกเบี้ยนโยบายใน dot plots   เนื่องจากกังวลด้านเงินเฟ้อ



สำหรับหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทที่อ่อนค่านั้น เป็นหุ้นเกษตรอาหาร และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้เป็นดอลลาร์สหรัฐฯ และแนวโน้มงบไตรมาส 3/65 น่าจะออกมาดี ขณะที่เศรษฐกิจต่างประเทศเริ่มฟื้นตัวส่งผลดีต่อการส่งออกที่ขยายตัวดีขึ้นส่วนหุ้นที่แนะนำวันนี้มี 4 ตัว  


เริ่มจาก  KCE   ซื้อ  (FV@B63)   โดยบริษัทคงเป้ารายได้ปี 2565 เติบโตมากกว่า 20% yoy หนุนจากแนวโน้มความต้องการใช้ชิ้นส่วนฯ เติบโตต่อเนื่อง แต่ได้ปรับลดเป้าหมาย Gross margin ลงเนื่องจากราคาต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นในปี 2565 ได้แก่ ทองแดง เคมีภัณฑ์ และค่าโสหุ้ยสําหรับแผนการสร้างโรงงานใหม่ที่นิคมโรจนะถูกเลื่อนออกไป 3-6 เดือน


 เนื่องจากมีการปรับปรุงรูปแบบโรงงานใหม่ คาดจะเริ่มดําเนินการผลิตได้ปลายปี 2566ปรับลดประมาณการกําไรสุทธิปี 2565-66 ลงเฉลี่ย 4% จากเดิม สะท้อนแนวโน้มGross margin ที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด กดดันจากราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น ภายหลังปรับประมาณการ คาดกําไรสุทธิปี 2565 จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 3% yoy ในขณะที่คาดกําไรปกติปี 2565 เติบโต 11% yoy จากแนวโน้มยอดขายเพิ่มขึ้น 28% yoy เบื้องต้น


คาดกําไรปกติงวด 3Q65 ฟื้นตัวต่อเนื่อง จากช่วง High season และทิศทางเงินบาทอ่อนค่า กําหนด FV ปี 2565 ใหม่เท่ากับ 63 บาท แนะนําหาจังหวะเข้าลงทุนเมื่อราคาอ่อนตัว โดยให้น้ําหนักทิศทางกําไรฟื้นตัวตั้งแต่งวด 3Q65

หุ้นส่งออกตัวไหน ! พร้อมวิ่งรับอานิสงส์บาทอ่อน

 หุ้นเด่นตัวต่อมาคือ SMT ซื้อ  ([email protected])  รายงานกําไรสุทธิงวด 2Q65 เท่ากับ 71 ล้านบาท ตามคาด ขึ้นทําจุดสูงสุดรายไตรมาส เพิ่มขึ้นถึง 25% qoq และ 28% yoy จากยอดขายในกลุ่ม PCBA และ IC packaging เพิ่มขึ้น 


โดยส่งมอบสินค้าได้มากขึ้นหลังปัญหาชิพขาดแคลนทยอยดีขึ้นกว่างวดก่อน อีกทั้ง Gross margin เติบโต หนุนจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่ารวมถึงการผลิตแบบประหยัดต่อขนาด และสัดส่วน SG&A/Sales ที่ลดลงคงประมาณการ 


คาดกําไรสุทธิปี 2565 จะเติบโต 33% yoy ขึ้นทําจุดสูงสุดรายปีจากแนวโน้มยอดขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 38% yoy จากการขยายฐานลูกค้าไปทวีปยุโรปและเอเซียมากขึ้น เบื้องต้นคาดกําไรงวด 3Q65 จะเติบโตต่อเนื่องและขึ้นทําNew high ต่อเนื่อง โดยราคาหุ้นปรับฐานไปกว่า 34% ตั้งแต่ต้นปี สะท้อนความกังวลเกี่ยวกับปัญหาชิพขาดแคลนและเศรษฐกิจโลกชะลอตัวมาก จนมี Valuation  น่าสนใจ มี PER 18 เท่า คงคําแนะนําซื้อ


หุ้นเด่นอีกตัวคือ  ซื้อ CPF (FV@B32)  กําไรสุทธิงวด 2Q65 เท่ากับ 4.2 พันล้านบาท (สูงกว่าคาด 8%) เพิ่มขึ้นถึง 48%qoq (แต่ลดลง 11% yoy) ขณะที่กําไรปกติงวด 2Q65 อยู่ที่ 3.2 พันล้านบาท (สูงกว่าคาด 23%) เพิ่มขึ้นกว่า 4.8 เท่าตัวจากงวด 1Q65 (แต่ลดลง 16% yoy) จาก

ธุรกิจสัตว์บกในไทยและต่างประเทศ เช่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซียและกัมพูชาฟื้นตัวชัดเจน


คาดกําไรสุทธิปี 2565 จะฟื้นตัว 19% yoy จากธุรกิจในไทยและต่างประเทศฟื้นตัวทั้งนี้ คาดกําไรปกติงวด 3Q65 จะปรับเพิ่มขึ้น ทั้ง QoQ และ YoY จากแนวโน้มราคาไก่และหมูในไทยและจีนปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง กําหนด Fair Value ปี 2565เท่ากับ 32 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันมีค่า PBV ปี 2565 เพียง 1.0 เท่า 


นอกจากนี้ CPFยังประกาศจ่ายปันผลสําหรับงวด 1H65 เท่ากับ 0.40 บาท คิดเป็น Div yield สําหรับงวด 1H65 ที่ 1.5% แนะนําซื้อรับการฟื้นตัวของธุรกิจในปี 2565


หุ้นเด่นถัดไปคือ  TFG  ([email protected]) แนวโน้มธุรกิจไก่และหมูยังดีต่อเนื่องในงวด 2H65 จากปัญหาหมูขาดแคลน หนุนแนวโน้มราคาไก่และหมูยืนสูงต่อเนื่อง นอกจากนี้ TFG ยังเน้นขยายธุรกิจร้านค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพื่อเป็นจุดขายไก่และหมูของตัวเอง ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี และจะส่งผลบวกต่อประสิทธิภาพการทํากําไรในระยะยาวปรับเพิ่มประมาณการกําไรสุทธิปี 2565-66 ขึ้น 46% และ 20% ตามลําดับ จาก

ราคาหมูและไก่ที่ดีกว่าคาด ภายหลังปรับประมาณการ คาดกําไรสุทธิปี 2565 จะฟื้นตัวถึงกว่า 6 เท่าตัว มาที่ 4.1 พันล้านบาท ทําจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากธุรกิจไก่และสุกรฟื้นตัวโดดเด่น


อย่างไรก็ตาม คาดกําไรสุทธิปี 2566 จะปรับลดลง 33%yoy มาที่ 2.8 พันล้านบาท ซึ่งยังเป็นระดับที่ดีต่อเนื่อง จากแนวโน้มราคาไก่และหมู

อ่อนตัวลงบ้าง จากแนวโน้มปัญหาหมูขาดแคลนคลี่คลายดีขึ้น กําหนด FV ปี 2565ใหม่เท่ากับ 7.50 บาท ยังแนะนําซื้อ


หุ้นเด่นตัวสุดท้าย  NER([email protected])  กําไรสุทธิงวด 2Q65 เท่ากับ 382 ล้านบาท ใกล้เคียงคาด ลดลง 19% qoq และ13% yoy จากปริมาณขายยางพาราลดลงชั่วคราว ผลกระทบจากการ lock downในจีน ทั้งนี้ คาดกําไรสุทธิจะกลับมาเติบโตในงวด 3Q65 จากแนวโน้มปริมาณขายยางพาราเติบโตตามฤดูกาล


คาดกําไรสุทธิปี 2565 จะเติบโต 2% yoy จากแนวโน้มปริมาณขายยางพาราและทิศทางราคายางพาราปรับเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก


สําหรับความคืบหน้าธุรกิจแผ่นปูนอนปศุสัตว์ คาดว่าจะเริ่มผลิตและขายได้ในก.ย.65 ซึ่ง NER ได้มีการทําการตลาดและมีลูกค้ารองรับไว้แล้ว กําหนด FV ปี 2565เท่ากับ 10.20 บาท โดย NER ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลที่ 0.07 บาท/หุ้น คิดเป็น Div yield สําหรับงวด 1H65 ที่ 1.2% ขึ้น XD วันที่ 23 ส.ค. 65 และจ่ายปันผลวันที่ 7 ก.ย. 65 ขณะราคาหุ้นปัจจุบันมีค่า PER เพียง 5 เท่า จึงยังแนะนําซื้อ


ที่มา  นายเอนกพงศ์ พุทธาภิบาล 

ภาพประกอบ พิกซาเบย์,เอเซียพลัส

ข่าวแนะนำ