TNN online หุ้นไทยครึ่งหลังเสี่ยงเงินเฟ้อ-ดอกเบี้ยพุ่ง ชู 5 หุ้นหลบภัย

TNN ONLINE

Wealth

หุ้นไทยครึ่งหลังเสี่ยงเงินเฟ้อ-ดอกเบี้ยพุ่ง ชู 5 หุ้นหลบภัย

หุ้นไทยครึ่งหลังเสี่ยงเงินเฟ้อ-ดอกเบี้ยพุ่ง ชู 5 หุ้นหลบภัย

บล.ไทยพาณิชย์มองแนวโน้มครึ่งปีหลังหุ้นไทยยังแกร่งแม้ตลาดไม่สดใส เหตุกำไรบจ.ภาพรวมเติบโตต่อเนื่อง แม้ต้องเผชิญความเสี่ยงรอบด้านทั้งเงินเฟ้อสูง -ดอกเบี้ยพุ่ง คาด EPS เติบโต 10% ดัชนีทั้งปี 1,650 จุด

นายสุกิจ อุดมศิริ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ (SCBS) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังของปี 65 ยังคงมีความแข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ เนื่องจากแนวโน้มกำไรของบริษัทจดทะเบียนในภาพรวมยังมีการเติบโตได้ โดยเฉพาะจากอานิสงส์การเปิดประเทศ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดว่าทั้งปีนี้เศรษฐกิจจะขยายตัว 3.4%


"เศรษฐกิจไทยยังคงมีความเสี่ยงทั้งจากในประเทศและทั่วโลกที่ต้องเผชิญเงินเฟ้อที่สูงต่อเนื่องและอัตราดอกเบี้ยที่มีโอกาสปรับตัวขึ้น ซึ่งทำให้การลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังไม่สดใสมากนัก โดยเฉพาะการได้รับ Sentiment ด้านลบจากตลาดหุ้นสหรัฐและจีน รวมถึงสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังยืดเยื้อ"
     

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนทั้ง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  (SET ) และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ  (MAI )  ในไตรมาส 1 / 2565  มีกำไรสุทธิรวม 2.84 แสนล้านบาท  เพิ่มขึ้น 11 % YoY กลุ่มที่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น ได้แก่  กลุ่มพาณิชย์   28 %   กลุ่มธนาคาร 14%  กลุ่มพลังงาน และ กลุ่มปิโตรเคมี 15% กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ 14 %  กลุ่มการแพทย์   331% และ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์  46%  ส่วนกลุ่มที่กำไรสุทธิลดลง ได้แก่ กลุ่มเกษตร  - 54%  กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์  - 4%  กลุ่มประกัน -78%  และกลุ่มบรรจุภัณฑ์ - 4% 

              

อย่างไรก็ตาม  ปัจจัยพื้นฐานของ SET  ในปี   65 - 66  ยังคงดี   โดยคาดว่า  Earnings Per  Share (EPS)  เติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 10 % ต่อปี กลุ่มที่ EPS ฟื้นตัวไปที่ระดับก่อนเกิดโควิด  ได้แก่ กลุ่มธนาคาร กลุ่มพลังงาน กลุ่มปิโตรเคมี    กลุ่มพาณิชย์ และกลุ่มท่องเที่ยว เป็นต้น    


ทั้งนี้ได้ประเมินกรอบ SET Index ในระดับคงเดิม ที่  1,550 -1,750 จุด   และประเมินเป้าหมายของ SET Index ปีนี้อยู่ที่ 1,650 จุด  โดยมองว่า SET Index จะไม่ลดลงแรงเหมือนช่วงโควิด   เนื่องจากผลกระทบต่อกำไรไม่แรงเท่าช่วงที่ผ่านมา ส่วนปัจจัยเสี่ยงต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียน ในครึ่งหลังของปี    65   ได้แก่   1. ต้นทุนพลังงานและวัตถุดิบโดยจะกระทบกลุ่มขนส่ง และวัสดุก่อสร้าง 


2. การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)  อาจจะกระทบ กลุ่มท่องเที่ยว   อาหาร   พาณิชย์  และโรงไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะผ่านจุดต่ำสุดในช่วงไตรมาส 3 /2565 เนื่องจาก ผ่านช่วงที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรง     จีนเริ่มคุมสถานการณ์โควิดในประเทศได้  แนวโน้มผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนชัดเจน  ตลาดได้รับปัจจัยหนุนจากการเปิดประเทศ และเงินเฟ้อมีแนวโน้มทรงตัว ส่วนความเสี่ยงอื่นๆที่ต้องติดตาม ได้แก่ การเคลื่อนย้ายของเงินทุนต่างชาติ    การเปิดประเทศของจีนที่ล่าช้า   และสงครามรัสเซีย -ยูเครน 

 

ทั้งนี้ได้ใช้วิธีการประเมินมูลค่าหุ้นตามพื้นฐานและการเติบโตของแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม ( Bottom-up approach ) โดยเราประเมินราคาเป้าหมายของ SET Index อยู่ที่ 1,650 จุด   จากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน   โดยกลุ่มที่มองว่ามี Upside  เมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน ได้แก่  กลุ่มธนาคาร   กลุ่มสื่อสาร  กลุ่มอาหาร  ส่วนกลุ่มที่มี Downside  ได้แก่ กลุ่มขนส่ง การแพทย์  ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์  อสังหาริมทรัพย์ และท่องเที่ยว   


สำหรับหุ้นเด่นในไตรมาส 3/65 เน้นกลุ่มธนาคาร   อาหาร ค้าปลีก และไฟแนนซ์ เช่น BBL ราคาเป้าหมาย 163 บาท     BJC  ราคาเป้าหมาย 44 บาท CBG  ราคาเป้าหมาย 118  บาท  CPF ราคาเป้าหมาย 30 บาท  MTC  ราคาเป้าหมาย  67 บาท  


ที่มา นายสุกิจ อุดมศิริ 

ภาพประกอบ  บล.ไทยพาณิชย์ 

ข่าวแนะนำ