วิกฤต 'รัสเซีย-ยูเครน' ใกล้ยุติ หลังการเจรจาสันติภาพคืบหน้า

เมื่อคืนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั่วโลกดีดกลับขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง ท่ามกลางสัญญาณในเชิงบวก ว่าสงครามระหว่าง "รัสเซีย - ยูเครน" ใกล้ยุติแล้ว หลังทั้งสองฝ่ายมีท่าที่ลดความแข็งกร้าวลงและพร้อมเจรจาเพื่อนำไปสู่สันติภาพ ซึ่งเป็นสัญญาณบวกที่นักลงทุนทั่วโลกรอคอย

ปัจจัยติดตาม

1.วิกฤติ"รัสเซีย - ยูเครน" ใกล้ยุติ หลังการเจรจาสันติภาพคืบหน้า

พัฒนาการเชิงบวกที่เกิดขึ้น เริ่มจากท่าทีของประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีของยูเครน ที่ประกาศล้มเลิกความตั้งใจที่จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ซึ่งถือเป็นการตอบรับหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญที่รัสเซียที่ยื่นคำขาดต่อยูเครน

ก่อนที่ทางการรัสเซีย โดยนางมาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย จะออกมาแถลงว่า การเจรจาสันติภาพรอบที่ 3 ระหว่างรัสเซียและยูเครนเพื่อแก้ไขความขัดแย้งดังกล่าว กำลังมีความคืบหน้าอย่างมาก พร้อมกับย้ำว่ารัสเซีย ไม่มีความประสงค์ที่จะยึดครองยูเครนหรือโค่นล้มรัฐบาลยูเครน โดยนางซาคาโรวากล่าวย้ำว่า "เป้าหมายของกองทัพรัสเซีย ไม่ได้ต้องการยึดครองยูเครน หรือทำลายความเป็นรัฐของยูเครน หรือคว่ำรัฐบาลยูเครน รวมถึงไม่มีเป้าหมายโจมตีพลเรือนยูเครนด้วย"

และอีกพัฒนาการที่ทำให้ตลาตคลายกังวลมากขึ้น คือการนายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ออกมากล่าวว่ารัสเซีย ต้องการที่จะเจรจาสันติภาพรอบใหม่กับยูเครนทันที ที่คณะผู้แทนของยูเครนมีความพร้อม นอกจากนี้ นายเพสคอฟยังกล่าวด้วยว่าการเจรจาระหว่างนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย และนายดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครนที่ตุรกีที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ ถือว่ามีความสำคัญในกระบวนการหารือเพื่อหาทางออกต่อวิกฤตการณ์ในยูเครนในขณะนี้

ขณะที่นายอิฮอร์ โซฟวา เจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครน และเป็นผู้ช่วยของประธานาธิบดีเซเลนสกี ออกมากล่าวในทำนองเดียวกันว่า ยูเครนเปิดกว้างที่จะหาทางออกตามแนวทางการทูตเพื่อยุติสงครามกับรัสเซีย และประธานาธิบดีเซเลนสกี ก็พร้อมที่จะพบกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนด้วย

2.โอเปกเตือนโลกเสี่ยงขาดแคลนน้ำมัน หลังรัสเซียถูกคว่ำบาตรหนัก

แม้สัญญาณเจรจาสันติภาพจะเกิดขึ้น แต่มาตรการการคว่ำบาตรจากนานาชาติที่มีต่อรัสเซียตลอด 2 สัปดาห์กว่าๆ ที่ผ่านมา ยังเป็นความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องจับตา โดยเฉพาะผลกระทบที่ยังผลักดันให้ราคาน้ำมันในตลาดโลก ยังคงยืนอยู่ในระดับสูงในขณะนี้ ล่าสุด ผู้นำโอเปกได้ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงว่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ อาจจะเพิ่มความเสี่ยงให้โลก อาจจะเผชิญกับปัญหาขาดแคลนน้ำมัน

โดยนายโมฮัมหมัด บาร์คินโด เลขาธิการองค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ออกโรงเตือนว่า โลกอาจจะต้องเผชิญปัญหาการขาดแคลนน้ำมันครั้งใหญ่ เพราะไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะหาน้ำมันมาทดแทนส่วนแบ่งการส่งออกน้ำมันของรัสเซียได้ที่หายไปจากการถูกคว่ำบาตรทางการเงินและพลังงาน ดังนั้น โอเปกจึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่าย ยุติการใช้พลังงานมาเป็นเครื่องต่อรองทางการเมือง

ถ้อยแถลงของนายบาร์คินโดยังระบุด้วยว่า ในทางปฏิบัติแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่รัสเซีย จะเดินหน้าส่งออกน้ำมัน 7–8 ล้านบาร์เรลต่อวันได้ตามปกติ ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรทางการเงินที่นานาประเทศบังคับใช้กับรัสเซีย จากผลพวงของการบุกโจมตียูเครน

พร้อมกับระบุด้วยว่า การคว่ำบาตรเหล่านี้ "ถือได้ว่าเป็นการคว่ำบาตรรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา" ซึ่งแม้ขณะนี้ โลกจะยังไม่ประสบกับภาวะขาดแคลนน้ำมัน แต่มีแนวโน้มที่กรณีดังกล่าวจะเกิดขึ้น เพราะนานาชาติยังคงมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินต่อรัสเซียอยู่

3.IEA พร้อมระบายน้ำมันสำรอง สกัดราคาที่พุ่งขึ้นอย่างเร่งด่วน

ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำในตลาดโลกเมื่อคืนที่ผ่านมา เริ่มมีสัญญาณย่อตัวลงมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังยืนอยู่ในระดับสูงกว่าสถานการณ์ที่ปกติ ซึ่งนอกจากแนวทางเจรจาสันติภาพที่ทำให้ทั่วโลกมีความหวังแล้ว หนึ่งในปัจจัยที่ดึงให้ราคาน้ำมันอ่อนตัวลงมาได้ ก็คือการที่สำนักงานพลังงานสากล ได้ตัดสินใจที่จะระบายน้ำมันออกมาจากคลังสำรองเพื่อสกัดราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างเร่งด่วน

นายฟาตีห์ ไบรอล ผู้อำนวยการบริหารของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) เปิดเผยว่า IEA พร้อมที่จะป้อนน้ำมันเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ด้วยการระบายน้ำมันในคลังสำรองออกมาเพิ่มเติม ซึ่งเป็นการดำเนินการที่ต่อเนื่องหลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมา IEA ได้ตัดสินใจที่จะระบายน้ำมันจากคลังสำรองที่กักเก็บไว้

โดย IEA ระบุว่า การดำเนินการดังกล่าว ถือเป็นการตอบสนองในเบื้องต้น และหากมีความจำเป็น IEA ก็พร้อมที่จะระบายน้ำมันเข้าสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ IEA ยังย้ำถึงการออกแผนปฏิบัติการเกี่ยวกับวิธีลดราคาน้ำมันอย่างเร่งด่วนในสัปดาห์หน้า เพื่อสกัดราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น

อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่ทำให้ราคาน้ำมันอ่อนตัวลงมาคือการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตก ที่ขณะนี้กำลังใกล้ที่จะได้ข้อสรุปแล้ว โดยรอแต่เพียงการตัดสินใจจากทางสหรัฐเท่านั้น

ตามรายงานข่าวระบุว่า คณะผู้แทนเจรจาของสหรัฐกำลังปรึกษากับทางรัฐบาล เพื่อขอการตัดสินใจอย่างเป็นทางการในการทำข้อตกลงนิวเคลียร์ดังกล่าวกับอิหร่าน โดยอาจมีการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน ซึ่งจะปูทางให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันสู่ตลาดโลกได้อีกครั้ง