รัสเซียตอบโต้ประเทศคว่ำบาตร สั่งชำระหนี้ตปท ด้วยเงินรูเบิล

ท่ามกลางกระแสคว่ำบาตรรัสเซียจากนานาชาติ เพื่อตอบโต้ต่อการบุกโจมตียูเครน ก็มีความพยายามที่รัสเซียเอง จะตอบโต้กลับเช่นกัน ล่าสุด รัฐบาลรัสเซียประกาศรายชื่อ “ประเทศและดินแดนที่ไม่เป็นมิตร” ต่อพลเมืองและกิจการของรัสเซีย พร้อมสั่งให้บริษัท รวมถึงประชาชนของรัสเซียที่เป็นหนี้ในประเทศเหล่านี้ จะต้องชำระคืนเป็นเงินรูเบิลของรัสเซียที่ขณะนี้อ่อนค่าลงอย่างมากเท่านั้น

ปัจจัยติดตาม

1.รัสเซียตอบโต้ประเทศคว่ำบาตร สั่งชำระหนี้ตปท.ด้วยเงินรูเบิล

คณะรัฐมนตรีของรัสเซียมีมติเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รับรองรายชื่อ “ประเทศและดินแดนที่ไม่เป็นมิตร” ต่อพลเมืองและกิจการของรัสเซีย ซึ่งนำโดยสหรัฐฯ แคนาดา สมาชิกสหภาพยุโรปทั้ง 27 ประเทศ สหราชอาณาจักร (รวมทั้งดินแดนในอาณัติ) ยูเครน สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ และไต้หวันที่รัสเซียยังถือว่าเป็นดินแดนของจีน เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งรายชื่อประเทศเหล่านี้ ล้วนเป็นประเทศที่ได้ออกมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียก่อนหน้านี้ หลังจากที่รัสเซียได้ใช้ปฏิบัติการพิเศษทางทหารต่อยูเครน

รายงานยังระบุว่า ผลจากการประกาศรายชื่อดังกล่าว ทำให้รัฐบาลรัสเซีย ซึ่งรวมถึงระดับภูมิภาคและเทศบาล รวมทั้งประชาชนและบริษัทของรัสเซีย ซึ่งมีภาระผูกพันจ่ายเงินต่อเจ้าหนี้ต่างประเทศที่อยู่ในรายชื่อประเทศที่ไม่เป็นมิตรเหล่านี้ จะต้องชำระหนี้เป็นสกุลเงินรูเบิลของรัสเซียเท่านั้น โดยจะมีผลบังคับใช้สำหรับการจ่ายเงินที่มีมูลค่ามากกว่า 10 ล้านรูเบิลต่อเดือน ทั้่งนี้ ตั้งแต่รัสเซียถูกนานาประเทศประกาศคว่ำบาตร ก็ส่งผลให้ค่าเงินรูเบิลของรัสเซียอ่อนค่าลงอย่างมาก ไม่ว่าจะเทียบกับสกุลหลักอย่างค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินยูโร จนทำให้ธนาคารกลางของรัสเซีย ต้องประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบายรวดเดียวจากร้อยละ 9.5 สู่ร้อยละ 20 เพื่อลดผลกระทบดังกล่าว

2. เยอรมนียังต้องพึ่งน้ำมันรัสเซีย นักวิเคราะห์เผยยังไม่มีแผนหยุดน้ำเข้า

หลังจากวานนี้ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 13 ปีจากความกังวลว่าสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรจะคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติมด้วยการหยุดการน้ำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ซึ่งพัฒนาการล่าสุดจากเรื่องนี้ดูเหมือนจะผ่อนคลายลง เพราะท่าทีล่าสุดของเยอรมนี ซึ่งเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ ดูเหมือนจะยังไม่มีแผนที่จะหยุดการนำเข้าพลังงานของรัสเซีย

โดยราคาน้ำมันอ่อนตัวลงชั่วข้ามคืนในการซื้อขายเมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจาก WTI พุ่งขึ้นเหนือ 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และน้ำมันดิบเบรนท์ ขยับขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 139.13 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี โดยนักวิเคราะห์พลังงานอาวุโสของ "CIBC Private Wealth" ให้ความเห็นว่า ปัจจัยที่กดดันให้ราคาน้ำมันดิบย่อตัวลงมาอย่างรวดเร็ว เป็นเพราะท่าทีของเยอรมนี ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่จากรัสเซีย ยังไม่มีแผนที่จะหยุดการนำเข้าพลังงานของรัสเซีย

นักวิเคราะห์รายนี้ยังบอกด้วยว่า จากท่าทีล่าสุดของเยอรมนี สามารถบ่งชี้ต่อได้ว่าสหรัฐฯ จะต้องเร่งสำรวจแหล่งน้ำมันทดแทน ทั้งจากเวเนซุเอลาและซาอุดีอาระเบีย หากสหรัฐฯ จะแบนการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ตามที่ได้ประกาศเอาไว้*************************************************

3.คลังยังไม่ลดภาษีฯ เบนซิน ชี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงดูแลได้

คุณสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าววานนี้ ถึงข้อเสนอที่จะให้มีการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซิน หลังจากราคาน้ำมันตลาดโลกปรับเพิ่มสูงขึ้นว่า ขณะนี้คงยังเร็วเกินไปที่จะพูดเรื่องการลดภาษีน้ำมันเบนซิน เพราะขณะนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง กระทรวงพลังงาน ยังมีงบประมาณเพียงพอที่จะเข้าไปดูแลราคาน้ำมันอยู่แล้ว

ขณะเดียวกัน ยังเชื่อว่าปัญความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งเป็นตัวแปนสำคัญที่ทำให้ราคาพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้น จะไม่ยืดเยื้อยาวนาน เพราะเชื่อว่าทั้งยุโรป สหรัฐอเมริกา และจีน จะพยายามไม่ให้ความขัดแย้งขยายวงกว้างออกไป อย่างไรก็ตาม ภาครัฐได้ขอความร่วมมือให้ประชาชนช่วยประหยัดการใช้น้ำมัน และลดการนำรถยนต์ส่วนตัวออกมาใช้ หรือใช้เท่าที่จำเป็น โดยหันไปใช้บริการขนส่งสาธารณะแทน เช่น รถเมล์ รถไฟฟ้า เพื่อช่วยกันประคองระยะวิกฤตินี้ให้ผ่านไปก่อน อย่างไรก็ดี ย้ำว่าเรื่องค่าครองชีพ เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งกระทรวงการคลัง ก็กำลังหาแนวทางอยู่ว่ามีวิธีการ หรือมาตรการอย่างไรได้บ้าง เพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชนน ซึ่งในส่วนของแนวโน้มการปรับขึ้นราคาสินค้านั้น ก็กระทรวงพาณิชย์ทำหน้าที่ดูแลอยู่แล้ว