อีคอมเมิร์ซโตหนุนธุรกิจบริการส่งพัสดุปี65 แข่งเดือด คาดยอดส่งพัสดุพุ่งขึ้น20%

วันนี้( 17 ก.พ.65) มร. เพียซ เอิง กรรมการบริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท นินจาแวน ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดอีคอมเมิร์ชจะเติบโตอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยปีละ 30% และตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ    หากเมื่อเปรียบเทียบประเทศไทยกับตลาดประเทศจีน พบว่าสัดส่วนของการทำอีคอมเมิร์ซในไทยมีเพียง 10% ของยอดขายปลีกทั้งหมด  ในขณะที่ประเทศจีนมีสัดส่วนการทำอีคอมเมิร์ชมากถึง 25% จะเห็นได้ว่าตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก สำหรับภาพรวมของตลาดขนส่งพัสดุในประเทศไทยมียอดการจัดส่งพัสดุพุ่งขึ้นมากถึง 3 เท่า แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะเริ่มลดลง แต่ว่ายอดจัดส่งพัสดุไม่ได้ลดลงและคาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น  ซึ่งอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซมีส่วนผลักดันให้ธุรกิจบริการรับส่งพัสดุเติบโตต่อเนื่อง โดยในปี2564 ยอดจัดส่งพัสดุในภาพรวมอยู่ที่ 4 ล้านชิ้นต่อวัน  และคาดว่าในปี 2565 จะเพิ่มขึ้นอีก 10-20% 

ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ นั้น ผู้บริหารของนินจาแวน กล่าวว่า มีผลต่อต้นทุนการขนส่งพัสดุเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับช่วงที่มีสถานการณ์โควิด-19 ระบาดหนักในช่วง1-2 ปีที่ผ่านมา จากการที่บริษัทต้องแบกรับต้นทุนด้านการบริหารจัดการพนักงาน การเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านการดูแลพนักงาน ต่างๆ เป็นต้น  ดังนั้นจึงยังไม่มีการปรับขึ้นค่าบริการ  และมั่นใจว่าจะยังแข่งขันได้แม้ว่าค่าบริการจะไม่ได้ถูกที่สุดในตลาด

สำหรับ “นินจาแวน เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครอบคลุมประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนามและประเทศไทย โดยในประเทศไทยได้เริ่มให้บริการมากว่า 6 ปีแล้ว มีการคาดการณ์ว่า ภายใน 10 ปีข้างหน้า การเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกครึ่งหนึ่งจะมาจากภูมิภาคเอเชีย โดยได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจดิจิทัล รวมถึงนวัตกรรมที่เกิดขึ้นมากมายก็มาจากภูมิภาคเอเชียด้วยเช่นกัน จะเห็นได้จาก แนวคิดของ Super App การสตรีมมิ่งไลฟ์สดขายปลีก วิดีโอสั้นอย่าง Tiktok ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมและถูกนำไปใช้ทั่วโลก นอกจากนี้  เชื่อว่ามากกว่า 50% ของการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียจะมาจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่ออุตสาหกรรมโลจิสติกส์  โดยปัจจุบันนินจาแวนอยู่ในอันดับ 4 ของตลาดบริการจัดส่งพัสดุในไทย ด้านปริมาณการขนส่งพัสดุ โดยปีนี้ได้ทุ่มงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท ในการทำการโฆษณาและการจัดกิจกรรมทางการตลาดกับทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเน้นหนักที่กลุ่มเอสเอ็มอีซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญและได้มีการขยายการให้บริการสู่กลุ่มประชาชนทั่วไป รวมทั้งได้เพิ่มทีมงานฝ่ายปฏิบัติการถึง 120% มุ่งเน้นที่การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการทั้งหมด เปิดให้บริการ 365 วันไม่มีวันหยุด และขยายจุดให้บริการให้มากขึ้นและครอบคลุมทั่วประเทศ โดยมีแผนเพิ่มศูนย์กระจายสินค้า 200 แห่ง เน้นในเขตภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ รวมถึงขยายหน้าร้าน จุดรับส่งพัสดุ กว่า 2,000 แห่ง ภายในสิ้นปีนี้ และได้ตั้งเป้าการเติบโตไม่น้อยกว่า 200% 

นอกจากนี้ยังได้มีการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์นินจาแวนให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ด้วยแคมเปญโฆษณา “มนุษย์ห่วง” โดยมี  “วู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา” มาเป็นแบรนด์พรีเซ็นเตอร์ ที่จะมาช่วยสื่อสารเพื่อสร้างการรับรู้และการจดจำแบรนด์ในกลุ่มผู้บริโภคให้มากยิ่งขึ้น 

ที่มา : มร. เพียซ เอิง กรรมการบริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท นินจาแวน ประเทศไทย จำกัด 

ภาพประกอบ : พีอาร์ นินจาแวน ประเทศไทย