TNN online ส.อ.ท.จี้รัฐแก้ปัญหาค่าครองชีพ-ตรึงดีเซล หลังต้นทุนน้ำมันพุ่ง

TNN ONLINE

Wealth

ส.อ.ท.จี้รัฐแก้ปัญหาค่าครองชีพ-ตรึงดีเซล หลังต้นทุนน้ำมันพุ่ง

ส.อ.ท.จี้รัฐแก้ปัญหาค่าครองชีพ-ตรึงดีเซล หลังต้นทุนน้ำมันพุ่ง

ส.อ.ท. เผยดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมปรับขึ้นทุกตัว 5 เดือนติด ยกเว้นต้นทุนการผลิตสูง หลังจากผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจ จี้รัฐแก้ปัญหาค่าครองชีพ-ตรึงดีเซล-คุมเงินเฟ้อ

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนมกราคม 2565 อยู่ที่ระดับ 88.0 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 86.8 ในเดือนธันวาคม 2564 โดยค่าดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน และกลับมาอยู่ระดับใกล้เคียงก่อนวิกฤตโควิด-19 ในช่วงต้นปี 2563 โดยค่าดัชนีฯ ปรับตัวดีขึ้นเกือบทุกองค์ประกอบยกเว้นต้นทุนประกอบการ 


โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากอุปสงค์ในประเทศและต่างประเทศที่ยังขยายตัวสะท้อนจากคำสั่งซื้อสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งสินค้าคงทนและสินค้าอุปโภคบริโภค ขณะที่ภาครัฐทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ยังดำเนินต่อไปได้ แม้จะมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน(Omicron) ในช่วงเดือนมกราคม แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบรุนแรงต่อการผลิตภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากมีการเร่งฉีดวัคซีนให้กับแรงงานในภาคอุตสาหกรรมและประชาชนทำให้สถานการณ์การระบาดไม่รุนแรงเหมือนกับช่วงก่อนหน้า


อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการยังเผชิญกับแรงกดดันจากต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้นทั้งราคาพลังงานและค่าขนส่ง  ตลอดจนความผันผวนของ อัตราแลกเปลี่ยน ที่ส่งผลต่อราคาวัตถุดิบและสินค้านำเข้า ขณะที่ปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และเซมิคอนดักเตอร์ยังไม่คลี่คลาย


จากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,335 ราย ครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรมทั่วประเทศในเดือนม.ค. พบว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ ราคาน้ำมัน  70.1 %สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ 45.5%  อัตราแลกเปลี่ยน (มุมมองผู้ส่งออก) โดยอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ  43.8 % และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้  42.6  %   


ส่วนปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความกังวลลดลง ได้แก่ สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 สัดส่วน  60.1%  เศรษฐกิจในประเทศ   50.2 %  และสภาวะเศรษฐกิจโลก   41.0% 


สำหรับดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นยู่ที่ระดับ 96.4 จากระดับ 95.2 ในเดือนธ.ค.64 เนื่องจากสถานการณ์ระบาดไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron)ในประเทศไม่รุนแรงและอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ทยอยฟื้นตัว ทั้งนี้ ผู้ประกอบการคาดว่าเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไปจะมีทิศทางดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและนโยบายเปิดประเทศ รวมถึงการขยายตัวของภาคการส่งออก


ด้านข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ 

1. ขอให้ภาครัฐควบคุมอัตราเงินเฟ้อและเร่งแก้ไขปัญหาค่าครองชีพให้กับประชาชน อาทิ มาตรการลด   ค่าสาธารณูปโภค (ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า) ลดราคาก๊าซหุงต้ม และการเพิ่มวงเงินในโครงการคนละครึ่ง


2. ขอให้ภาครัฐตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกินลิตรละ 30 บาท รวมทั้งการแก้ปัญหาวัตถุดิบขาดแคลนและราคาสูงเพื่อลดภาระด้านต้นทุนการผลิตให้กับผู้ประกอบการ


3.เร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมทั้งออกมาตรการช่วยเหลือเยียวยาธุรกิจต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบสถานการณ์โควิด-19


4.ขอให้ภาครัฐอำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าประเทศ โดยปรับมาตรการ Test & Go ให้ลดจำนวนครั้งการตรวจ RT-PCR ให้เหลือเพียงครั้งเดียว และให้ใช้วิธีการส่งผลตรวจ ATK ผ่านระบบ หลังการเดินทางเข้าประเทศ 5 วัน แทนการตรวจด้วย RT-PCR เพื่อส่งเสริมบรรยากาศการท่องเที่ยวให้กลับมาอีกครั้ง


ที่มา ส.อ.ท. 

ภาพประกอบ  ส.อ.ท. 

ข่าวแนะนำ