"โจ ไบเดน" ลุ้นอีก 6 คะแนน คว้าชัยประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46
จับตา "รัฐเนวาดา" หากไบเดน ชนะรัฐนี้ จะได้ 6 คะแนน รวม 270 คะแนน ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 ทันที
วันนี้ (5 พ.ย.63) "โจ ไบเดน" สามารถทำลายสถิติ ได้คะแนนเลือกตั้ง ป๊อปปูล่าโหวต แซงอดีตประธานาธิบดี บารัก โอบามา เมื่อปี 2008 ขณะที่การนับคะแนนคณะผู้เลือกตั้งสหรัฐ ยังเหลือรัฐชี้ชะตาอีก 5 รัฐ โดยเฉพาะที่ "รัฐเนวาดา" ซึ่งไบเดนได้คะแนนนำอยู่ และหากชนะรัฐนี้จะได้ 6 คะแนน จะเท่ากับ 270 คะแนน ซึ่งไบเดนจะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 คาดว่ารู้ผล 9 โมงพรุ่งนี้ตามเวลาสหรัฐ
ศึกเลือกตั้งสหรัฐประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งที่ 59 ระหว่างนายโจ ไบเดน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต กับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐจาก พรรครีพับลิกัน หลังจากที่ปิดหีบเมื่อวานนี้ดูเหมือนทรัมป์จะคะแนนนำ แต่จากนั้นคะแนนกลับมาสูสี
สื่อหลายสำนักรายงานผลอย่างไม่เป็นทางการ ตั้งแต่เวลา 03.00 น. วันพฤหัสบดี ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 15.30 น. ตามเวลาประเทศไทย นายไบเดน มีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งสหรัฐหรือ Electoral Vote อยู่ที่ 264 คะแนน นำหน้าโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมี 214 คะแนน
ทั้งนี้ ไบเดนต้องการอีกเพียง 6 คะแนนเท่านั้นก็จะได้คะแนน Electoral Vote เกินกว่ากึ่งหนึ่งหรือ 270 คะแนน จากทั้งหมด 538 คะแนนที่จะชนะการเลือกตั้ง
ล่าสุด เหลืออีก 5 รัฐที่ยังอยู่ระหว่างการนับคะแนน โดยมี 4 รัฐที่ ทรัมป์มีคะแนนนำอยู่คือ นอร์ทแคโรไลนา (15), เพนซิลวาเนีย (20), จอร์เจีย (16) และอลาสก้า (3)
ขณะที่ ไบเดน คะแนนนำอยู่ที่รัฐเนวาดา (6) หลังจากนับคะแนนไปได้ 86% คาดว่าจะทราบผลเวลา 09.00 น. วันพรุ่งนี้ตามเวลาสหรัฐ ซึ่งมลรัฐนี้มีคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ใน Las Vegas ซึ่งหากทรัมป์ ต้องการจะชนะไบเดน ต้องได้คะแนนจากรัฐเหล่านี้ทั้งหมด
ตอนนี้ รัฐเนวาด้ากำลังรอผลการนับคะแนนในอีกไม่กี่เขตของรัฐ เนื่องจากเกิดเหตุประท้วงวุ่นวาย
อย่างไรก็ตาม หากไบเดนไม่ชนะในเนวาด้า ไบเดนยังมีแนวโน้มจะชนะในรัฐเพนน์ซิลเวเนีย ทรัมป์นำอยู่ร้อยละ 50.65 ต่อ 48.07 และรัฐจอร์เจีย ที่ทรัมป์นำเพียงเล็กน้อยที่ร้อยละ 49.6 ต่อ 49.2 ซึ่งจะทำให้ไบเดนสามารถชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีได้อีกเช่นกัน
ทั้งนี้ ไบเดน สร้างประวัติศาสตร์ ทุบสถิติคะแนนเลือกตั้ง หรือ ป๊อปปูล่าโหวตมากสุดด้วยคะแนน 71 ล้านเสียง มากกว่าสมัยโอบามาเมื่อปี 2008 ทำไว้ 60 กว่าล้านเสียง และคาดว่ามีแนวโน้มเป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 ส่วนทรัมป์ได้ 68.6 ล้านเสียง
ย้อนไปดูนโยบายของ “โจ ไบเดน" ในด้านต่างๆ
- สิ่งแวดล้อม นายไบเดนประกาศ จะเข้าร่วมความตกลงปารีส เพื่อนำสหรัฐไปสู่ประเทศปล่อยคาร์บอนเป็น 0 ภายในปี 2050 พร้อมประกาศยกเลิกสัญญาการเจาะหาน้ำมันและก๊าซในที่ดินสาธารณะ
- เศรษฐกิจ เพิ่มภาษีจากผู้ที่มีรายได้สูง เพื่อใช้ในบริการสาธารณะ แต่ก็ระบุว่า การเพิ่มภาษีนี้จะส่งผลต่อบุคคลที่ทำเงินได้มากกว่า 400,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปีเท่านั้น ทั้งนี้ ไบเดน ได้เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำจาก 7.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อชั่วโมง เป็น 15 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อชั่วโมง
- สาธารณสุข ขยายกฎหมายประกันสุขภาพ ลดอายุผู้มีสิทธิ์เข้าถึงเมดิแคร์ จากตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป มาเป็น 60 ปีขึ้นไป
- ต่างประเทศ ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับประเทศพันธมิตร และจะยกเลิกภาษีแต่ฝ่ายเดียวกับประเทศจีน และจะทำให้ประเทศจีนกลายมาเป็นแนวร่วมระหว่างประเทศ
- โควิด-19 จัดตั้งโครงการตรวจสอบหาการติดเชื้อแห่งชาติขึ้น โดยตั้งศูนย์ตรวจหาเชื้อโรคอย่างน้อย 10 จุดในทุกรัฐของสหรัฐฯ และให้บริการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาแก่ประชาชนทุกคนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมสนับสนุนการสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ
facebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE
