"แม่สิตางศุ์" เข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดีหมิ่นประมาท (มีคลิป)
"แม่สิตางศุ์" เข้ารับทราบข้อกล่าวหา หลังถูกมารดาของลูกบุญธรรม แจ้งความดำเนินคดีหมิ่นประมาท
เน็ตไอดอลชื่อดัง สิตางศุ์ บัวทอง หรือ แม่สิตางศุ์ พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.หลักสองรับทราบข้อกล่าวหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา หลังถูกมารดาลูกบุญธรรมของแม่สิตางศุ์ แจ้งความดำเนินคดีเมื่อต้นเดือน ตุลาคมจากกรณีที่สิตางศุ์ไปออกรายการโดยมีการพูดพาดพิงว่าลูกบุญธรรม เล่าว่า ถูกแม่แท้ๆ ทำร้ายร่างกายตั้งแต่เด็ก ทำให้แม่แท้ๆ เสียหาย จึงแจ้งความดำเนินคดีกับแม่สิตางศุ์
แม่สิตางศุ์ ลูกชายตี๋น้อย และทนายความ ได้เผยว่า หลังได้รับหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณารู้สึกตกใจมาก ไม่คิดว่า จะตกเป็นผู้ต้องหาได้ รู้สึกงงว่าชีวิตตนมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร พร้อมยืนยันจะยังคงให้การอุปถัมภ์ดูแลตี๋น้อยต่อไป แม้ว่าแม่แท้ๆ จะได้สิทธิ์ในการดูแลตี๋น้อยก็ตาม ส่วนกรณีการจดทะเบียนบุตรบุญธรรม ได้พยายามทำมาแล้ว แต่ติดปัญหาสถานการณ์โรคระบาดจึงต้องชะลอไว้ก่อน
ด้านตี๋น้อย ลูกบุญธรรม ยืนยันว่า สิ่งที่ตนบอกกล่าวกับแม่สิตางศุ์ว่าถูกแม่แท้ๆทำร้ายร่างกายตั้งแต่เด็กนั้นเป็นเรื่องจริง ไม่ได้กุขึ้นมา และตนเคยเล่าเรื่องนี้ให้พี่ชายต่างมารดาทราบ พร้อมระบุอีกว่า ตนอยากหลุดพ้นจากสภาพคนพิการ ขอใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไปด้วยตนเอง ไม่ใช่ถูกควบคุมสั่งการจากใครอีก
ด้านทนายความ เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี เผยว่า เบื้องต้นวันนี้ลูกความจะรับทราบข้อกล่าวหา พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหาและจะแจ้งความกลับในข้อหาเดียวกันกับคู่กรณี ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้ คาดว่าต้องไปไกล่เกลี่ยในชั้นศาล ส่วนการรับบุตรบุญธรรมจะเตรียมการเอกสารและยื่นเรื่องอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ตี๋น้อย ตัวกลางของปัญหาได้ไปยื่นถอนบัตรคนพิการแล้ว และสามารถตัดสินใจการเป็นบุตรบุญธรรมได้ด้วยตัวเองเพราะบรรลุนิติภาวะแล้ว
ด้าน แม่แท้ๆของ ตี๋น้อย ได้ออกมาเปิดเผยว่าสิ่งที่แม่สิตางศุ์ และลูกชายของตนพูดออกมา ไม่ใช่เรื่องจริงเลย ซึ่งทั้งคู่ย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ แต่ตนไม่โกรธลูกชายเลยที่สร้างเรื่องโกหกออกสื่อ ทั้งยังเล่าย้อนให้ฟังตั้งแต่ตั้งครรภ์เลยว่า ตอนรู้ว่าท้องลูกแฝดก็ดีใจมาก แต่พออยู่ไปอยู่มา หมอบอกว่า แฝดน้อง คือ ตี๋น้อย ไม่น่ารอด อีกทั้งยังคลอดก่อนกำหนดอีกตอน 7 เดือน เท่านั้น ทำให้ ตี๋น้อย ตัวเล็กมากเมื่อคลอดออกมา และส่งผลให้ฝาแฝดทั้ง 2 คน ป่วยเป็นโรคสมาธิสั้น บกพร่องทางการเรียนรู้ ต้องกินยาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งแฝดพี่เขากินยา แต่แฝดน้องชอบแอบทิ้ง อาการเลยหนักกว่า ในส่วนของเรื่องที่ทางตี๋น้อยเล่าว่า ตนจับกรอกน้ำตั้งแต่ตอนเด็กๆ จนชัก แถมกักขังหน่วงเหนี่ยวด้วย ความจริงแล้ว เมื่อตอนที่ลูกชายทั้งคู่อายุ 2 ขวบครึ่ง ตนทะเลาะกับพ่อของลูก ซึ่งเวลาเขาเมาก็จะทำร้ายตน แต่โดนทำแค่ครั้งเดียวตนก็หนีออกมา แล้วก็ขาดการติดต่อตั้งแต่ตอนนั้น พ่อของลูกเอาสายไฟมาพันข้อมือตน พอสะบัดออกได้ก็วิ่งหนีออกมา โดยที่ลูกทั้ง 2 ยังอยู่ในบ้าน ตนเลยย้อนกลับไปจะเอาลูก ปรากฎก็โดนพ่อของลูกเตะปากแตก โดยตนก็ฮึดสู้ แล้วก็หอบลูกออกมาได้สำเร็จ จากนั้นลูกตนก็ป่วยบ่อย ยืนยันว่าไม่มีการกักขังหน่วงเหนี่ยวและจับน้ำกรอกปากจนชักแน่นอน และเรื่องที่ตี๋น้อยบอกว่าตนป่วยจิตเวชต้องกินยาเป็นประจำ ก็ไม่ใช่เรื่องจริงอีก หากตนป่วยจะดูลูกชายฝาแฝดเพียงลำพังมาได้ถึงอายุ 23 ปีหรอ
สำหรับประเด็นที่แม่สิตางศุ์ บอกว่าตนเรียกร้องเงินเป็นจำนวนมาก ก็ไม่ใช่เรื่องจริง แค่อยากให้มานั่งคุยกัน ว่าสิ่งที่แม่สิตางศุ์ฟังเรื่องราวมาจากตี๋น้อยมันไม่ใช่เรื่องจริง แล้วก็อยากให้มีการออกมายอมรับว่าเข้าใจผิด แล้วก็ขอโทษตนต่อหน้าสื่อที่หมิ่นประมาทตน และขอให้หยุดพฤติกรรมใส่ร้ายตน จากนั้นตนก็จะจบทุกอย่างไม่เอาเรื่องใดๆ แล้วหากตี๋น้อยอยากจะอยู่กับแม่สิตางศุ์ต่อไปก็ได้ ตนไม่เอาคืนแล้ว