"ลูกหนัง ศีตลา" เปิดใจครั้งแรก ปมร้อน #แบนลูกหนัง (มีคลิป)
เปิดใจครั้งแรก "ลูกหนัง ศีตลา" กับกระแส #แบนลูกหนัง จนตัดสินใจถอนตัวเดบิวต์เป็นศิลปิน
ออกมาพูดเปิดใจครั้งแรก สำหรับ "ลูกหนัง ศีตลา วงษ์กระจ่าง" ลูกสาวของพระเอกผู้ล่วงลับ "ตั้ว ศรัณยู วงษ์กระจ่าง" ที่ได้เดบิวต์ในนามสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ป K-POP วง H1-KEY เจอกระแสดราม่า #แบนลูกหนัง จนเป็นสาเหตุถอนตัว เพราะไม่อยากเป็นปัญหาให้ใคร
ภาพจาก ig : sitalawongk
ลูกหนัง ศีตลา ได้เล่าว่า "เริ่มจากเป็นเด็กฝึกธรรมดา ซึ่งเด็กฝึกธรรมดา กับ เด็กฝึกที่เตรียมเดบิวต์จะต่างกัน เราก็ฝึกไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ว่าวันนั้นจะได้เดบิวต์ แต่พอรู้ว่าต้องเดบิวต์แล้วความซีเรียสก็จะต่างกัน จากที่เคยซ้อมสนุก กลายเป็นซ้อมซีเรียสเกือบทุกวัน จะเหนื่อยมาก ในแต่ละค่ายก็จะมีกฏเกณฑ์ต่างกัน ที่นี่กฏข้อนึ่ง คือการควบคุมน้ำหนัก คุมการกิน ระหว่างเดบิวต์ ร้องไห้บ่อยมาก แต่จะไม่ให้ใครเห็นว่าเราอ่อนแอ โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ แทบจะไม่โทรไปบอกว่าวันนี้เราเหนื่อยมากนะ หรือ ร้องไห้ เพราะไม่อยากทำให้เขาเป็นห่วง ช่วงก่อนจะเดบิวต์ มีหลายความรู้สึกมาก ตื่นเต้น กดดัน ดีใจ เป้าหมายที่เรามองมาด้วยกันกำลังจะเกิดขึ้น"
แต่ประกาศเดบิวต์ มีกระแส แบนลูกหนัง ซึ่งเริ่มจากค่ายวางคอนเซ็ปต์ไว้ ให้กระดาษแผ่นนึงเขียนข้อมูลตัวเอง ว่าเราชื่ออะไร ส่วนสูงเท่าไหร่ ใครคือแรงบันดาลใจของเรา ก็บอกว่าคือคุณพ่อ ซึ่งก็หนีไม่ได้ที่เขาจะไปคุ้ยว่าน้องคนนี้คือใคร และคงไปโฟกัสที่คำตอบของเรา จนเกิดประเด็นดรามาขึ้นมา ตอนนั้นเราไม่ทราบ เพราะมือถือไม่ได้อยู่กับตัวเรา ค่ายเรียกเราคนเดียวในวงไป เขาบอกว่าแม่โทรมาร้อยมิสคอล ให้คุยกับคุณแม่ ครั้งแรกที่คุยคุณแม่ร้องไห้ แม่ก็อธิบายว่ามีเรื่องแบบนี้นะ
พอได้รับข่าวก็เข้าไปดูในทวิตเตอร์ เพราะเราไม่ได้เล่นอะไรเลย เข้าไปอ่านทุกอย่างที่เกิดขึ้น เราช็อก แต่ก็เข้าใจ เพราะมีเหตุผลว่าทำไมถึงเกิดแฮชแท็กนี้ พยายามทำความเข้าใจว่ามันมีเหตุมีผลนะ
ภาพจาก ig : sitalawongk
"เมื่อก่อนเป็นคนไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ แต่หลังๆ จะมีความคิดหลายๆ ความคิดที่กลับมานั่งคิด อย่างเรื่องดรามาที่เกิดขึ้น มันค่อนข้างเป็นเรื่องเซนซิทีฟ และไม่คาดคิดว่าจะไปกระทบคนรอบข้างด้วย การมีกระแสลบกับเรา เราเตรียมตัวมาในระดับนึง แต่มีจุดนึงที่ทำให้เราเสียใจมากกว่าคนอื่น คือไปเอฟเฟกต์กับคนรอบข้าง มีเพื่อนที่เป็นทั้งคนในวงการและไม่ใช่คนในวงการ มาบอกเราว่าไม่อยากเป็นเพื่อนกับเรา
ดรามาเกิดขึ้น เกิดเอฟเฟกต์กับคนในวง บางคนฝึกนานกว่าเรา ไม่อยากให้เขาต้องมาได้รับผลกระทบ จากเรื่องนึงที่เราทำ ทั้งที่เขาไม่ทราบอะไรเลย เขาแค่มีความฝันเดียวคือเดบิวต์ ก็เลยเกิดคำถามว่าเฮ้ย เรามาสร้างปัญหาให้น้องหรือเปล่า เราก็เข้าใจนะคะ คุณแม่บอกว่าอย่าคิดแบบนั้น แต่มันปฏิเสธไม่ได้จริงๆ เราคิดว่าเราเป็นปัญหาในวง ทำให้น้องที่เขาไม่รู้เรื่อง ต้องมารับแรงกดดันจากทางค่าย หรือคอมเมนต์ที่เขาเห็น เราก็คิดว่าเราอยากเอาตัวเองออกมาจากตรงนั้น ตอนนั้นน้องบอกว่าพี่ไม่เป็นไร แต่ยูปฏิเสธไม่ได้ว่าเอฟเฟกต์ยู และห้ามเรารู้สึกแบบนี้ไม่ได้ เรารู้สึกว่าปัญหาทั้งหมดเกิดขึ้นแค่เราคนเดียวจริงๆ แล้วไปเอฟเฟกต์กับน้องแค่ 3 คนที่เขาไม่รู้เรื่อง แล้วค่ายด้วย ครอบครัวน้องด้วย ครอบครัวเราด้วย
ตอนแรกเราคิดอยู่สักพักนะ แต่เราก็มีคำตอบในใจ เรามีคุณพ่อเป็นแรงบันดาลใจจริงๆ ในการทำงาน เราอยู่กับพ่อมาตลอด เรารู้ว่าพ่อเป็นคนขยัน ให้ความสำคัญกับการทำงาน มีความรับผิดชอบ รักการแสดง รักการทำงาน เรามองคุณพ่อ ก็อยากรักงานที่เราเลือกทำได้สักครึ่งนึงของเขา เราชอบคนที่ทำงานด้วยแพชชั่น และคุณพ่อมีแพชชั่นกับการแสดงมากจริงๆ สายตาที่เขามองงานเวลาเขาทำงาน มันมีพลังมาก เราอยากเป็นได้สักครึ่งนึงของคุณพ่อ อยากมีแพชชั่นกับสิ่งที่เราทำเหมือนคุณพ่อ ก็เลยเป็นคำตอบในคำถามนั้น ว่าใครคือแรงบันดาลใจของเรา
ภาพจาก ig : sitalawongk
ภาพจาก ig : sitalawongk
ซึ่งพอเกิดปัญหา เกิดดราม่า มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราก็เสียใจ จริงๆ คุณพ่อก็ไม่อยู่แล้ว เราก็ไม่ได้รู้สึกดี ที่เวลาใครมาพูดถึงครอบครัว สำหรับเราครอบครัวคือที่หนึ่ง ทุกครั้งที่เราเห็นคนมาพูดไม่ดีกับครอบครัว เราไม่ได้รู้สึกดีอยู่แล้ว เรารู้สึกเจ็บ แต่ถามว่าเราเข้าใจคนที่เขามาพูดเรื่องนี้ไหม เราเข้าใจมาก คนเราคิดต่างได้ เขามีเหตุผลของเขา
เราเคยคุยเรื่องนี้ก่อนที่คุณพ่อจะเสีย คุณพ่อบอกว่าเขาก็ทราบที่มีเรื่องนี้ เขาก็บอกว่ามีหลายอย่างในอดีตที่เขาทำ แล้วเขาก็ไม่คิดว่าจะมีหลายคนเสียใจ แต่เราก็ต้องยอมรับมัน เราเข้าใจกันและกัน ว่าสิ่งที่คุณพ่อเขาทำวันนั้น เขามีความเชื่อแบบนั้น แต่ความรู้สึกก็เป็นอีกเรื่อง มันเลยตีกันไปหมด ความเสียใจก็เป็นอีกเรื่องที่เราพยายามฮีลตัวเอง
ถ้าวันนึงเราหายไป ทุกอย่างอาจจะดีขึ้นหรือเปล่า ปัญหาจะจบหรือเปล่า ความกลัวที่ไม่รักตัวเองมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็มีคำนึงที่พี่คนนึงบอกเราว่าคนจะรักเรามากขึ้นในวันที่เราไม่อยู่ เราอยากอยู่ได้รับความรัก เราไม่ได้อยากไม่อยู่แล้วได้รับความรัก เราอยากเป็นคนที่มีลมหายใจแล้วมีคนชื่นชมเรา เราไม่อยากไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้วค่อยมาได้ยินคำชื่นชม สุดท้ายก็อยากขอบคุณครอบครัวที่อยู่ข้างกันมา ขอบคุณเพื่อนที่ถึงแม้มีบางคนเขาคิดอีกแบบ แต่เราก็มีเพื่อนที่เขาอยู่ข้างเรามาตลอด ขอบคุณทุกคนที่เชื่อในตัวเรา และรักเรา แม้ในวันที่เราอ่อนแอที่สุด แม้เราจะไม่รักตัวเองก็ตาม"
ภาพจาก ig : sitalawongk
ข้อมูลจาก รายการ On that Day
