Amazon ถูกปรับ 30,000 ล้านบาท หลังเอาพฤติกรรมผู้ใช้ไปยิงโฆษณา

Commission Nationale pour la Protection des Données หรือ CNPD กรรมการข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศลักเซมเบิร์ก ทำการสั่งปรับ Amazon เป็นจำนวนเงินที่สูงมากถึง 746 ล้านยูโร หรือประมาณ 30,000 ล้านบาท ในข้อหาที่ทาง Amazon นำข้อมูลผู้ใช้งานไปวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้ เพื่อนำไปยิงโฆษณาสร้างรายได้ให้กับตัวเองเป็นจำนวนมาก และไม่ได้มีการขออนุญาตผู้ใช้ล่วงหน้าก่อนแต่อย่างใด

ทาง Amazon ออกมาบอกว่าไม่เห็นด้วยกับคำสั่งปรับนี้ และกำลังเตรียมที่จะขอยื่นอุทธรณ์สู้คดีต่อ โดย Amazon ให้ความเห็นว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นเพียงการตีความของกรรมการเท่านั้น และหากเป็นดังนี้จริง ค่าปรับดังกล่าวก็สูงมากเกินไป และจะกลายเป็นค่าปรับที่สูงที่สุดของกฎหมาย GDPR ที่เคยมีการปรับมาก่อนหน้านี้

General Data Protection Regulation หรือ GDPR กฎหมายคุ้มครองความเป็นส่วนตัวฉบับใหม่ของยุโรป เป็นกฎระเบียบของ EU ที่ออกมาเพื่อคุ้มครองประชาชนในกลุ่มประเทศ EU จากการที่ความเป็นส่วนตัวและข้อมูลส่วนบุคคลถูกล่วงละเมิดมากขึ้นในโลกยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล กฎหมายนี้เป็นการปรับปรุงมาตรการให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่แตกต่างไปจากเมื่อครั้งออก EU Directive เมื่อปี 1995

ซึ่งก่อนจะมีเรื่องกับทาง Amazon นี้ ก็ได้เกิดคดีสั่งปรับแบบนี้ออกมาเป็นจำนวนมาก โดยตามรายงานของบริษัทกฎหมาย DLA Piper เผยว่ากฏหมาย GDPR ตั้งแต่ 28 มกราคม 2020 ได้มีการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลจำนวน 121,165 ครั้ง กลุ่มประเทศที่มีโทษปรับสูงคือ อิตาลี, เยอรมนี, ฝรั่งเศส มีการปรับเงินกันกว่า 192.8 ล้านยูโร ตั้งแต่ GDPR มีผลบังคับใช้ 

โดยค่าปรับที่เยอะที่สุดเป็นของฝรั่งเศสเรียกเก็บจาก Google เนื่องจากละเมิดกฎความโปร่งใสของข้อมูล เป็นจำนวนเงินสูงมากถึง 57 ล้านดอลลาร์ ดังนั้นถ้า CNPD ปรับ Amazon สำเร็จจะกลายเป็นค่าปรับสูงสุดทันทีนั่นเอง

แหล่งที่มา bleepingcomputer.com