อย่าลืม! "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" งวดที่ 2 เงินเข้า 18 เม.ย. ใช้จ่ายค่าน้ำ-ค่าไฟ
รัฐบาล แจ้งเตือน เงินงวดที่ 2 "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน" โอนเข้า 18 เม.ย.นี้ ใช้จ่ายค่าน้ำ-ค่าไฟ ไม่เกิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน สามารถถอนเป็นเงินสดได้
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มุ่งลดความเหลื่อมล้ำและยกระดับสวัสดิการของพี่น้องประชาชนให้ทั่วถึง โดยมุ่งแก้ไขปัญหาแบบเฉพาะเจาะจงกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยดีและมีกระแสตอบรับจากพี่น้องประชาชน ผ่านโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน
โดยวันที่ 18 เมษายน 2566 นี้ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง จะได้โอนเงินงวดที่ 2 ให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตามกำหนดการโอนเงินให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทุกวันที่ 1 , 18 และ 20 ของเดือน
ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในงวดแรกคือทุกวันที่ 1 ของเดือนไปแล้ว ประชาชนที่ใช้สิทธิ สามารถใช้บัตรประชาชน สแกนจ่ายซื้อสินค้าได้ วงเงิน 300 บาทต่อเดือน ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 80 บาทต่อ 3 เดือนวงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาทต่อเดือน โดยไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้และไม่สะสมในเดือนถัดไป
ส่วนเงินที่โอนในงวดวันที่ 18 ของเดือนนั้น จะสามารถใช้จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟได้ โดยจ่ายค่าน้ำประปาไม่เกิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน ค่าไฟฟ้าไม่เกิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน ซึ่งสามารถถอนเป็นเงินสดได้ และถ้าใช้ไม่หมดจะสะสมในเดือนถัดไป ส่วนงวดที่ 3 วันที่ 20 ของเดือนจะเป็นการโอนเงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาทต่อเดือนให้เฉพาะกับกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีบัตรประจำตัวคนพิการ
ช่องทางตรวจสอบสิทธิ
ตรวจสอบสิทธิ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ได้ตั้งแต่เวลา 6.00 น. ถึง 23.00 น. ของทุกวัน
การยืนยันตัวตน
1. ผู้ลงทะเบียนโครงการฯ ที่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติสามารถไปยืนยันตัวตนได้ที่ (1) ธนาคารกรุงไทยฯ (2) ธนาคารออมสิน หรือ (3) ธ.ก.ส. ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป ทั้งนี้ จะต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนอเนกประสงค์ (Smart Card) เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนด้วย ณ ธนาคารดังกล่าวตามวันและเวลาทำการของแต่ละธนาคาร
2. เมื่อยืนยันตัวตนเสร็จเรียบร้อยแล้วจะสามารถตรวจสอบสถานะการยืนยันตัวตนของตนเองผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ในวันถัดไป หรือติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่หน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน หรือโทรศัพท์สอบถามได้ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ผู้ลงทะเบียนโครงการฯ ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติต้องดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับหมายเลขประจำตัวประชาชนกับธนาคารใดก็ได้ เนื่องจากการผูกบัญชีพร้อมเพย์ไว้ล่วงหน้าจะทำให้ผู้ได้รับสิทธิโครงการฯ สะดวกในการรับสิทธิสวัสดิการหากกรณีที่ภาครัฐมีสวัสดิการที่จะโอนเข้าบัญชีในอนาคต
3. หากดำเนินการยืนยันตัวตนภายในวันที่ 1 – 26 มีนาคม 2566 และตรวจสอบพบว่า ผ่านการยืนยันตัวตน (e-KYC) จะสามารถใช้สิทธิสวัสดิการผ่านบัตรประจำตัวประชาชนได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 แต่หากผู้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติยืนยันตัวตนหลังวันที่ 26 มีนาคม 2566 จะได้ใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐได้ตามวันที่กระทรวงการคลังกำหนด สำหรับผู้ได้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐปัจจุบันจะสามารถใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้จนถึงวันที่ 31มีนาคม 2566 เท่านั้น
กรณีเดินทางมาด้วนตนเอง
- บัตรประจำตัวประชาชน (ผู้ลงทะเบียน)
- ใบสำคัญการหย่า หรือ ใบมรณะ หรือ หนังสือรับรองการตาย หรือ ทะเบียนบ้านที่มี การจำหน่ายการตาย (เฉพาะผู้ผ่านเกณฑ์แบบมีเงื่อนไข)
กรณีมอบอำนาจ
ผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง หรือ ผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเดินทางมายืนยันตัวตนได้เอง สามารถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นมายืนยันตัวตนแทนได้ โดยใช้เอกสารดังนี้
- บัตรประจำตัวประชาชน (ผู้ลงทะเบียน)
- ใบสำคัญการหย่า หรือ ใบมรณะ หรือ หนังสือรับรองการตาย หรือ ทะเบียนบ้านที่มี การจำหน่ายการตาย (เฉพาะผู้ผ่านเกณฑ์แบบมีเงื่อนไข)
- หนังสือมอบอำนาจ (ดาวโหลดที่เว็บไซต์โครงการฯ) คลิกที่นี่
- บัตรประจำตัวประชาชน (ผู้ได้รับมอบอำนาจ)
- สำเนาบัตรประจำตัวคนพิการ (ถ้ามี) หรือ ใบรับรองแพทย์ (ถ้ามี) ให้นำมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่หน่วยงานยืนยันตัวตน
กรณี ไม่ผ่าน คุณสมบัติการพิจารณาคุณสมบัติ ให้ทำดังนี้
1. ยื่นอุทธรณ์ โดยสามารถเลือกดำเนินการได้ 2 วิธี คือ
- อุทธรณ์ด้วยตนเองผ่านเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th
- ติดต่อหน่วยงานรับลงทะเบียนเพื่อยื่นอุทธรณ์แทน
2. ติดต่อหน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติที่ไม่ผ่าน เพื่อตรวจสอบ/ขอแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง
หลังจากยื่นอุทธรณ์แล้ว ผู้ไม่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติต้องติดต่อหน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติไม่ผ่าน เพื่อตรวจสอบ/ขอแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 1 พฤษภาคม 2566
อุทธรณ์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป และต้องแก้ไขให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 1 พฤษภาคม 2566
กรณีมอบอำนาจ (ผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเดินทางมาอุทธรณ์ได้เอง สามารถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นมาลงทะเบียนแทนได้ โดยใช้เอกสารดังนี้)
-บัตรประจำตัวประชาชน (ผู้ลงทะเบียน)
-สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (ผู้ลงทะเบียน) พร้อมลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง
-หนังสือมอบอำนาจ (ดาวน์โหลดได้ที่เว็บไวต์โครงการฯ) คลิกที่นี่
-สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (ผู้ได้รับมอบอำนาจ) พร้อมลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง
-สำเนาบัตรประจำตัวคนพิการ (ถ้ามี) พร้อมลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง หรือใบรับรองแพทย์ (ถ้ามี)
ช่องทางลงทะเบียนรับสิทธิค่าน้ำและค่าไฟ
ผู้ที่ผ่านคุณสมบัติตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ที่ประสงค์รับสิทธิ จะต้องลงทะเบียนขอรับสิทธิใหม่ทุกคน
ลงทะเบียนรับสิทธิค่าไฟฟ้า ได้ที่นี่
1. สำนักงานการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) หรือผ่านเว็บไซต์ https://meagate1.mea.or.th/welfareregis เบอร์ติดต่อ 1130
2. สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) หรือผ่านเว็บไซต์ https://welfareregis.pea.co.th เบอร์ติดต่อ 1129
3. กิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ (กทร.) หรือผ่านเว็บไซต์ https://walfareregis.sea.co.th เบอร์ติดต่อ 086-8481284
ลงทะเบียนรับสิทธิค่าน้ำประปา ได้ที่นี่
1. สำนักงานการประปานครหลวง (กปน.) หรือผ่านเว็บไซต์ https://eservicesapp.mwa.co.th/ES/MWAWelfareServlet เบอร์ติดต่อ 1125
2. สำนักงานการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) หรือผ่านเว็บไซต์ https://register.pwa.co.th/welfare-register.html เบอร์ติดต่อ 1662
ภาพจาก MEA/AFP