เฟสบุ๊คออกกฏคุมโฆษณาการเมือง ป้องกันการชี้นำปชช.

วันนี้ ( 29 ส.ค. 62 )เฟสบุ๊คออกกฏระเบียบการโฆษณาทางการเมือง เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในปีหน้า โดยหน่วยงานที่จะลงโฆษณาหาเสียงทางการเมือง จะต้องยืนยันตัวตนกับเฟซบุ๊ก หลังจากนั้นถึงจะได้รับเครื่องหมายว่าเป็นหน่วยงานที่ได้รับการยืนยันแล้ว

กฏระเบียบใหม่นี้เป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดของเฟซบุ๊ก ในการป้องกันโฆษณาหลอกลวง อันเป็นการชี้นำประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง และจะบังคับใช้กับอินสตาแกรมด้วย

ทั้งนี้การโฆษณาบนเฟสบุ๊ค กลายเป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมสำหรับแคมเปญหาเสียงทางการเมือง รวมถึงหน่วยงานอื่นๆ ในการดึงดูดผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง โดยในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2559 เฟสบุ๊คได้ลงทุนกับโฆษณาหาเสียงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มากถึง 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 2.1 พันล้านบาท

โดยที่ผ่านมาเฟสบุ๊คได้เปิดใช้เครื่องมือเพื่อแสดงความโปร่งใสของเพจต่างๆ ในแต่ละประเทศ หลังจากที่มีรายงานว่า หน่วยงานของรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯเมื่อปี 2559 ด้วยการอัพโหลดเนื้อหาเพื่อชี้นำผู้ลงคะแนน และถึงแม้ว่าเฟสบุ๊ค ได้บังคับให้ผู้ที่ลงโฆษณาทางการเมืองต้องใส่ disclaimer หรือข้อความปฏิเสธความรับผิดชอบบนโฆษณาของตัวเองตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาการแทรกแซงได้

ก่อนหน้านี้เฟสบุ๊คได้แบนโฆษณาของ Epoch News หลังจากที่สำนักข่าว NBC ระบุว่า Epoch News ได้ใช้เพจปลอม เพื่อกระตุ้นโฆษณาที่สนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์ และก่อนหน้านี้ยังมีผู้สื่อข่าวจาก Vice News ที่นำโฆษณาขึ้นบนเว็บไซต์ โดยแอบอ้างว่าเป็นตัวแทนของนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีของสหรัฐฯ

ด้านนางซาร่าห์ ชิฟฟ์ ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ของเฟซบุ๊กเปิดเผยว่า กฏระเบียบใหม่นี้เป็นการแก้ปัญหาในส่วนที่เป็นช่องโหว่ โดยเมื่อปีที่แล้ว เฟซบุ๊กมีหลักฐานว่ามีการใช้ข้อความปฏิเสธความรับผิดชอบไปในทางที่ผิด ซึ่งกฏระเบียบใหม่นี้เป็นวิธีที่จะทำการการควบคุมแข็งแรงขึ้น

ด้านนายแอรอน ไรค์ กรรมการผู้จัดการของ Upturn หน่วยงานด้านความยุติธรรมดิจิทัล กล่าวว่ารู้สึกแปลกใจว่า ทำไมเฟสบุ๊คถึงใช้เวลานานมากในการออกกฏระเบียบดังกล่าว เช่นเดียวกับนายอเล็กซ์ สตามอส อดีตผู้บริหารด้านความปลอดภัยของเฟซบุ๊กเล่าว่า การบังคับใช้กฏระเบียบใหม่นี้บนทุกแพลตฟอร์มของเฟสบุ๊คไม่ใช่เรื่องง่าย