เตือนพรุ่งนี้อย่าโกหกติดโควิด-19 ไม่งั้นอาจมีความผิดตามพรก.ฉุกเฉิน
ศบค.ยกตัวอย่างเพจดังเตือนพรุ่งนี้ April Fool's Day อย่าโกหกติดเชื้อโควิด-19 ไม่งั้นอาจมีความผิดตามพรก.ฉุกเฉิน
วันนี้ (30มี.ค.63) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยว่า ตัวเลขจำนวนผู้ป่วยในแต่ละวันในห้วงเวลา 3 วันที่ผ่านมานั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พึงพอใจระดับหนึ่ง แต่นายกรัฐมนตรียังไม่นิ่งนอนใจ จึงสั่งการให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดสม่ำเสมอ ทีมแพทย์ผู้วิเคราะห์สถานการณ์ ยังตั้งข้อสังเกตต่อจำนวนผู้ป่วยจากสถานบันเทิง ที่เหตุใดยังมีจำนวนทรง ๆ เพราะรัฐบาลได้ประเทศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว แต่ยังคงปรากฏตัวเลขจำนวนผู้ป่วยต่อเนื่อง จึงขอร้องประชาชน งดการสังสรรค์ทุกประเภท
นพ.ทวีศิลป์ ได้ยกตัวอย่างเพจ “อีเจี๊ยบ เลียบด่วน” ที่เตือนผู้ใช้โซเชียลมีเดีย ในการโพสต์ข้อความต่าง ๆ ในวันที่ 1 เมษายน ที่ขาวต่างชาติ ถือเป็นวันโกหก (April Fool's Day) ว่า ให้ระวังมีความผิดตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินด้วย
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงการยกระดับมาตรการต่าง ๆ ในแต่ละจังหวัด และการประกาศในแต่ละพื้น ที่เป็นจุดเสี่ยงให้ประชาชนหลีกเลี่ยงว่า เป็นการใช้เฉพาะบางจุด ที่นายกรัฐมนตรี มอบหมายผู้ว่าราชการแต่ละจังหวัด นำข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข ไปหามาตรการดังกล่าวออกมา โดยให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ซึ่งให้อิสระแต่ละพื้นที่กำหนดรายละเอียดมาตรการ เพียงแค่ขอความร่วมมือประชาชน ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ละจังหวัดด้วย
ส่วนการประเมินสถานการณ์หลังการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในห้วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น นพ.ทวีศิลป์ เปิดเผยว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังไม่ครบ 7วัน แต่นายกรัฐมนตรี พอใจระดับหนึ่ง แต่ยังไม่สามารถวางใจสถานการณ์ได้ ซึ่งมาตรการต่าง ๆ จะเปลี่ยนแปลงตามข้อมูลจำนวนผู้ป่วยที่รัฐบาลได้รับ
นพ.ทวีศิลป์ ชี้แจงถึงการลงโทษคนไข้ที่ปกปิดข้อมูล จนทำให้แพทย์อยู่ในภาวะเสี่ยงว่า แม้กฎหมายจะมีบทลงโทษ แต่เจตนารมณ์ของกฎหมาย ต้องการให้คนไข้เปิดเผยข้อมูล เพื่อให้ได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพ และทีมแพทย์ได้ป้องกันตนเอง
ส่วนกรณีที่บริษัทสถานประกอบการเอกชนไม่ให้หยุดงาน ทั้งที่บางงานสามารถทำงานที่ได้ จะมีการมาตรการกำกับอย่างไรหรือไม่นั้น นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่า ขณะนี้ ยังเป็นมาตรการขอความร่วมมือ แต่ขอให้สถานประกอบการ พิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่า จะได้ประโยชน์อย่างไร หากยังให้บุคลากรในองค์กรทำงานรวมกันในสถานที่ทำงาน ที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ และอาจเกิดความเสียหายมากกว่าเดิม
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand