ศาลรธน.ฟัน! 'หมอธีระเกียรติ' ปมถือหุ้นสัมปทานรัฐ [มีคลิป]

วันนี้( 27 ส.ค.62) องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล อดีตรมช.ศึกษาธิการ , นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีต รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี , นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร อดีต รมช.คมนาคม และนพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ อดีตรมว.ศึกษาธิการ สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรค 1 วงเล็บ 5 หรือไม่ กรณีการถือครองหุ้นสัมปทานรัฐ

โดยองค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ทำความเห็นส่วนตัวเป็นหนังสือ พร้อมแถลงด้วยวาจาต่อที่ประชุม ก่อนลงมติให้ความเป็นรัฐมนตรีของ นพ.ธีระเกียรติ สิ้นสุดลงเฉพาะตัว เนื่องจากคู่สมรสได้ถือครองหุ้นในบริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)  ซึ่งซื้อเพิ่มเติมในภายหลังที่นพ.ธีระเกียรติ เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอีกจำนวน 800 หุ้น แม้ว่านพ.ธีระเกียรติจะโต้แย้งว่า ไม่ทราบมาก่อนว่าบริษัทปูนซีเมนต์ไทยเป็นหุ้นสัมปทานรัฐ แต่ศาลเห็นว่าการลงทุนในหุ้นต่างๆ จะต้องมีการศึกษารายละเอียดของหุ้น ส่วนข้อโต้แย้งว่าการถือหุ้นดังกล่าวมีจำนวนไม่มาก แต่ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดจำนวนการถือครองหุ้น ดังนั้นแม้การถือครองเพียงหนึ่งหุ้นก็ถือว่า เป็นคู่สัญญาสัมปทานรัฐ ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญได้สั่งห้าม นพ.ธีระเกียรติ ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นระยะเวลา 2 ปี นับจากวันที่ 9 พ.ค. 2562 ที่นพ.ธีระเกียรติลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี  

ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 เสียง เห็นว่าการถือครองหุ้นก่อนได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี และระหว่างการดำรงตำแหน่งไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้ความเป็นรัฐมนตรีของ ม.ล.ปนัดดา และนายไพรินทร์ ไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ

ด้าน ม.ล.ปนัดดายอมรับว่า โล่งใจภายหลังฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ยืนยันยึดมั่นระเบียบการทำงานมาโดยตลอดระยะเวลา 39 ปีในการรับราชการ ซึ่งหลังจากนี้จะมุ่งมั่นทำงานต่อไป พร้อมขอบคุณสำหรับกำลังใจจากทุกคน

อย่างไรก็ตามผลของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ นอกจากจะส่งผลให้นพ.ธีระเกียรติ ไม่สามารถดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีได้ในช่วง 2 ปีแล้ว ยังอาจมีผลให้พ้นจากความเป็นสมาชิกวุฒิสภาซึ่งเป็นตำแหน่งปัจจุบันด้วย

Cr.pic : กระทรวงศึกษาธิการ