สาวฉันทนาถูกแฟนเบี้ยวเงินรางวัลที่ 1 หลังตกลงแบ่งคนละครึ่ง

วันนี้ (18 พ.ย.62) น.ส.พรธิดา ชำนาญเวช อายุ 23 ปี พร้อมพี่สาวและญาติ เข้าแจ้งความร้องกับ ร.ต.อ.วีระพล สุดสายแก้ว รองสารวัตรสอบสวน สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ให้ดำเนินคดีกับนายวิจักร วรรณประสิทธิ์ อายุ 34 ปี แฟนหนุ่ม ทำงานอยู่โรงงานที่เดียวกันย่านถนนปู่เจ้าเจ้าสมิงพราย และอยู่กินกันมาประมาณ 3 ปี

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 พ.ย.62 น.ส.พรธิดา และแฟนหนุ่มได้นำสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 พ.ย.62 ที่ น.ส.พรธิดา ถูกรางวัลเลข 3 ตัว จำนวน 1 ใบ ไปขึ้นเงินที่ร้านจำหน่ายสลากที่บริเวณตลาดครุในพร้อมกับซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่จะออกประจำ งวดวันที่ 16 พ.ย.62 จำนวน 2 ใบ ซึ่ง 1 ใน 2 ใบ ถูกรางวัลที่ 1 ซึ่งตนเองเป็นคนหยิบจำนวน 1 ใบ

กระทั่ง เมื่อวันที่ 16 พ.ย.62 ซึ่งเป็นวันหวยออก ทราบว่าสลากหมายเลข 017223 งวดที่ 43 ชุดที่ 05 ที่ซื้อไว้ถูกรางวัลที่ 1 จำนวน 1 ใบ จากนั้นเวลา 17.00 น ตนเองกับแฟนจึงได้เดินทางมา สภ.พระประแดง เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกับเซ็นต์ลายมือชื่อของน.ส.พรธิดา และแฟนไว้ที่ด้านหลังของสลากที่ถูกรางวัล จากนั้นได้ถ่ายรูปคู่ร่วมกันพร้อมกับสลากรางวัลที่ 1 แล้วเดินทางกลับห้องพักภายในซอยสุขสวัสดิ์ 64 โดยทั้งคู่ได้ตกลงกันหลังจากที่ขึ้นเงินแล้วจะแบ่งกันคนละครึ่ง คือ คนละ 3 ล้านบาท โดยต่างคนต่างโทรบอกครอบครัวของตัวเอง

น.ส.พรธิดา กล่าวต่อว่า ตนกับแฟนดีใจมากที่รางวัลที่ 1 จนมาวันนี้ เวลาประมาณ 19.30 น นายวิจักร บอกตนว่าจะให้เงินแค่ 2 ล้านบาท ตนเองก็ได้ถามนายวิจักร ว่าทำไมให้แค่นี้ไหนเราตกลงกันแล้วว่าจะแบ่งกันคนละครึ่ง จนสักพักนายวิจักร เริ่มเสียงดังจนมีปากเสียงกัน โดยนายวิจักร บอกตนเองว่าถ้าพูดไม่รู้เรื่องก็ไม่ให้ ถ้าอยากได้ให้ไปฟ้องเอาและออกไปจากห้องพัก ตนเองเห็นว่าไม่เป็นธรรม เพราะได้ตกลงกันแล้วว่าจะแบ่งกันคนละครึ่ง เพราะต่างคนต่างมีครอบครัวก็ต้องใช้เงินเหมือนกัน ตนจึงได้ปรึกษาพี่สาวเรื่องนี้โดยพี่สาวดูแล้วไม่ถูกต้องและกลัวว่านายวิจักรจะไปขึ้นเงินแล้วเอาไปคนเดียว ตนเองและพี่สาวจึงตัดสินใจไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและจะเดินทางไปที่กองสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อระงับการจ่ายเงินที่ถูกรางวัล

ขณะที่ ทนายเดชา เจ้าของเพจ "ทนายคลายทุกข์" ระบุว่า คดีเช่นนี้เคยเจอมาแล้ว ไม่อยากให้ยืดเยื้อเหมือนคดีหวย 30 ล้าน ขอให้ทั้งสองฝ่ายไปพูดคุยกันก่อน จะได้ไม่เสียเวลาทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตาม จากรูปคดีที่เกิดขึ้น พบว่าทั้งคู่ไม่ได้มีการจดทะเบียนสมรสกัน ส่วนการซื้อลอตเตอรี่ก็ไม่ชัดเจน แต่มีการเซ็นต์ชื่อสลักหลังไว้ทั้งสองฝ่าย ดังนั้นหากฝ่ายชายไปขึ้นเงินเพียงคนเดียว ก็ให้ฝ่ายหญิงไปอายัดเอาไว้ก่อน เพราะถือเป็นกรรมสิทธิ์รวม มีการเซ็นต์ชื่อทั้ง 2 ฝ่าย และหากฝ่ายชายยังจะเอาลอตเตอรี่ไปขึ้นเพียงลำพังก็จะมีความผิดข้อหา "ยักยอกทรัพย์" ต้องโทษจำคุก 3 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 วรรคแรก

ดังนั้น เรื่องนี้ควรที่จะคุยกันให้ดีๆ เพราะร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาแล้ว เชื่อว่าน่าจะปรับความเข้าใจกันไม่ยาก

เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com 
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand