TNN เฉลยแล้ว "หอยแครง" กินแล้วเพิ่มเลือดจริงหรือไม่? หาคำตอบได้ที่นี่!

TNN

Health

เฉลยแล้ว "หอยแครง" กินแล้วเพิ่มเลือดจริงหรือไม่? หาคำตอบได้ที่นี่!

เฉลยแล้ว หอยแครง กินแล้วเพิ่มเลือดจริงหรือไม่? หาคำตอบได้ที่นี่!

เฉลยแล้ว "หอยแครง" กินแล้วเพิ่มเลือดจริงหรือไม่? หาคำตอบได้ที่นี่!

หอยแครง เป็นอาหารทะเลที่ได้รับความนิยม นิยมนำมายำ ลวก ต้ม หรือเผา แล้วรับประทานเป็นอาหาร ซึ่งหลายคนมีความเชื่อว่า การกินหอยแครง จะสามารถเพิ่มเลือดได้ วันนี้เราจะพาทุกคนไปดูคำตอบกันว่าการกินหอยแครงสามารถช่วยเพิ่มเลือดได้จริงหรือไม่


ประโยชน์ของหอยแครง

ก่อนจะไปดูข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกินหอยแครงแล้วสามารถเพิ่มเลือดได้นั่น เราจะพาทุกคนไปดูประโยชน์ของการกินหอยแครงในภาพรวมก่อน ซึ่งการรับประทานหอยแครงเป็นอาหาร มีประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนี้

1. บำรุงสมอง หอยแครงมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท

2. บำรุงกระดูกและฟัน หอยแครงมีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน

3. บำรุงผิวพรรณ หอยแครงมีวิตามินซี ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง

4. ช่วยขับลม หอยแครงมีสรรพคุณช่วยขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ

5. ช่วยขับปัสสาวะ หอยแครงมีสรรพคุณช่วยขับปัสสาวะ แก้นิ่วในไต

6. บำรุงเลือด หอยแครงมีธาตุเหล็กสูง ช่วยป้องกันและรักษาภาวะโลหิตจาง


สรุปคือ หอยแครง เป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย สามารถช่วยบำรุงเลือดได้จริง จากผลวิจัย พบว่า หอยแครงมีธาตุเหล็กสูง ซึ่งธาตุเหล็กเป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง การกินหอยแครง จึงช่วยป้องกันและรักษาภาวะโลหิตจางได้นั่นเอง นอกจากนี้ยัช่วยบำรุงสมอง บำรุงกระดูกและฟัน บำรุงผิวพรรณ ช่วยขับลม และช่วยขับปัสสาวะอีกด้วย


ข้อควรระวัง

• หอยแครง อาจมีเชื้อโรคปนเปื้อน ควรปรุงสุกก่อนรับประทาน

• หอยแครง มีคอเลสเตอรอลสูง ผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูง ควรจำกัดการบริโภค


อย่างไรก็ตาม หอยแครง ไม่ได้มีสรรพคุณในการ เพิ่มเลือดโดยตรง การกินหอยแครงเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ วิธีที่ดีที่สุด ในการรักษาภาวะโลหิตจาง คือ

1. กินอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง หลากหลายชนิด เช่น เนื้อสัตว์ ตับ ไข่แดง ผักใบเขียว ถั่ว

2. ทานอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น ผลไม้รสเปรี้ยว มะเขือเทศ พริกหวาน

3. ทานอาหารที่มีกรดโฟลิกสูง เช่น ผักใบเขียว ถั่วลันเตา อะโวคาโด

4. ออกกำลังกายเป็นประจำ

5. พักผ่อนให้เพียงพอ

6. ไปพบแพทย์ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้องต่อไป


ที่มาข้อมูล : มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา วิทยาเขตสมุทรสงคราม, คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

ที่มาภาพปก : freepik/korrakot_sittivash


ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง