สารเคมีรั่วไหล ต้องดูแลตัวเอง-ปฏิบัติตัวอย่างไร เช็กที่นี่!
แนะนำวิะีดูแลตัวเองและปฏิบัติตัวเองอย่างไร เมื่ออยู่ในสถานการณ์สารเคมีรั่วไห
จากกรณีเกิดเหตุสารเคมีรั่วไหลจากโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่งผลให้เกิดกลิ่นเหม็นฟุ้งกระจายในหลายพื้นที่ รวมทั้งบางพื้นที่ของกรุงเทพมหานครและจังหวัดนนทบุรี โดยดรงเรียนและสถาบันการศึกษาที่อยู่ระแวกเดียวกันกับโรงงานดังกล่าว ในประกาศงดการเรียนการสอนเป็นเวลา 1 วัน
▪สำหรับการปฏิบัติตัวเมื่อต้องเจอกับสถานการณ์สารเคมีรั่วไหล มีอยู่ 5 ข้อ
1.อพยพออกจากพื้นที่ทันทีและอยู่เหนือลม
2.กรณีที่สัมผัสควันไฟหรือไอระเหยจากสารเคมี ให้ไปยังที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์และถอดเสื้อผ้าออก หากสัมผัสโดนตาหรือผิวหนัง ให้รับล้างออกด้วยน้ำสะอาด
3.เมื่อออกจากพื้นที่แล้ว แต่ทราบว่ามีคนติดอยู่ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ อย่ากลับเข้าไปเด็ดขาด
4.ติดตามข้อมูลสถานการณ์จากหน่วยงานภาครัฐ และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
5.แม้เหตุการณ์สงบแล้วก็ไม่ควรเข้าใกล้พื้นที่เสี่ยงสัมผัสสารเคมี จนกว่าจะได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่
ขณะเดียวกันกรมควบคุมมลพิษ ได้โพสต์ผ่านเพจระุบว่า ขณะนี้ หน่วยปฏิบัติการพิทักษ์สิ่งแวดล้อม(ศปก.พล.) กรมควบคุมมลพิษ ( กองจัดกการกากของเสียและสารอันตราย กองตรวจมลพิษ สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษ 5-6) กำลังลงพื้นที่ตรวจสอบ เบื้องต้นทราบว่าที่เกิดเหตุ คือ บริษัท อินโดรามา โพลีเอสเตอร์ อินดัสตรีส์ จำกัด(มหาชน) ตั้งอยู่ 35/8 ม.4 ถ.เพชรเกษม ต.ขุนแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ประกอบกิจการ ผลิตเส้นใยโพลีเอาเตอร์และเส้นใยประดิษฐ์ จากการสอบถามเจ้าหน้าที่บริษัท ได้ข้อมูลว่า เกิดเหตุรั่วไหลของน้ำมันถ่ายเทความร้อน เมื่อเวลาประมาณ 6.15 น. และได้ทำการแก้ไขแล้ว แต่กลิ่นส่งผลกระทบในวงกว้าง ทั้งนี้ คพ,ได้ส่งข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมันถ่ายเทความร้อน ให้กับเจ้าหน้าที่กู้ภัยสารเคมีที่เข้าพื้นที่รับทราบแล้ว และหลังจาก ศปก.พล.เข้าตรวจสอบ จะแจ้งผลการตรวจสอบให้ทราบต่อไป
ที่มา: กรมอนามัย, กรมควบคุมมลพิษ
ภาพปก: กรมควบคุมมลพิษ
—————
.
ติดตาม TNN Health ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
Website : https://www.tnnthailand.com/news/health/
Facebook : https://bit.ly/TNNHealthFacebook
Youtube : https://bit.ly/TNNHealthYoutube
TikTok : https://bit.ly/TNNHealthTikTok
Line @TNNHEALTH : https://lin.ee/MNckVHq
หรือดูรายการ Live ได้ทาง https://bit.ly/TNNHealthFacebook