TNN online ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก 2020-21 สัปดาห์ที่ 33 สเปอร์ส พบ เซาธ์แฮมป์ตัน

TNN ONLINE

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก 2020-21 สัปดาห์ที่ 33 สเปอร์ส พบ เซาธ์แฮมป์ตัน

ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก 2020-21 สัปดาห์ที่ 33 สเปอร์ส พบ เซาธ์แฮมป์ตัน

แกเร็ธ เบล ซัดก่อนที่ ซน ฮึง-มิน จะกดจุดโทษท้ายเกมพา สเปอร์ส เปิดบ้านชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 2-1 ทำให้ ไรอัน เมสัน ประเดิมสวยคุมทีมชั่วคราวนัดแรกนำ "ไก่เดือยทอง" เฮรอบ 4 เกม แซง ลิเวอร์พูล ขึ้นรั้งอันดับ 6 มี 53 คะแนนเท่ากัน แต่ลูกได้-เสียดีกว่า และแข่งมากกว่า 1 นัด จี้ เชลซี ท็อปโฟร์เหลือ 2 แต้ม ด้าน "นักบุญ" พ่าย 2 เกมติดต่อกัน อยู่ที่ 14 มี 36 คะแนน เหนือโซนตกชั้น 9 แต้มเท่าเดิม

การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ "ไก่เดือยทอง" สเปอร์ส เปิดสนามท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของ "นักบุญ" เซาธ์แฮมป์ตัน ลงทำการแข่งขันในวันพุธที่ 21 เม.ย.64 


ครึ่งเวลาแรก

เริ่มเกมมาในนาทีที่ 2 ทีมเยือนได้ทักทายก่อน จากจังหวะต่อเนื่องของลูกฟรีคิก ก่อนที่ นาธาน เทลล่า จะเปิดเข้าไป แล้วเป็น โมฮัมเหม็ด ซาลิซู ได้โขก แต่ติดเซฟ อูโก้ โยริส ปัดมาเข้าทาง เช อดัมส์ ได้หวดซ้ำดาบสองในระยะเผาขน แต่ก็ยังไม่ผ่านมือ อูโก้ โยริส อยู่ดี

นาทีที่ 10 เจ้าบ้านได้ลุ้น โดย แกเร็ธ เบล ฉกบอลเอามาเล่นได้ แล้วตอกส้นให้ โจวานนี่ โล เซลโซ่ แต่งหาจังหวะก่อนปั่นด้วยซ้ายไปทางเสาไกล แต่บอลโค้งไม่พอให้เข้ากรอบ

ต่อมาในนาทีที่ 13 เซาธ์แฮมป์ตัน เปิดเกมรุก โดย สจ๊วร์ต อาร์มสตรอง วางบอลยาวขึ้นหน้าเลยไปถึง เซร์คิโอ เรกีลอน พยายามสไลด์ตัวสกัดบอล ขณะเดียวกัน ไคล์ วอล์คเกอร์-ปีเตอร์ส ก็บีบเข้ามาง้างเท้ายิง แต่สุดท้าย อูโก้ โยริส ออกมาตัดจังหวะป้องกันเอาไว้ได้ก่อน

นาทีที่ 30 ทีมเยือนได้ลูกเตะมุม เปิดโดย เจมส์ วอร์ด-เพร้าส์ โยนเข้าไป แล้วเป็น แดนนี่ อิงส์ ที่ชิงโหม่งสบัดได้ก่อนส่งบอลแฉลบเสาไกลเด้งเข้าประตูพา เซาธ์แฮมป์ตัน บุกนำ สเปอร์ส 1-0

ถัดมาในนาทีที่ 37 ทีมเยือนมีโอากาส จากการที่ สจ๊วร์ต อาร์มสตรอง เคาะบอลเร็วให้ ธีโอ วัลค็อตต์ เลี้ยงจี้เข้าใส่ แล้วตัดสินใจยิง แต่บอลไปแฉลบ โทบี อัลเดอร์แวเรลด์ หลุดออกหลัง

นาทีที่ 45+1 เจ้าถิ่นได้ลุ้น โดย แซร์ก ออริเย่ร์ ครอสบอลข้ามฟากไปให้ ซน ฮึง-มิน จ่ายตัดเข้าใน บอลแฉลบ ต็องกีย์ เอ็มดอมเบเล่ ไปเข้าทาง ลูคัส มูร่า พยายามจะจิ้ม แต่โดนไม่ถนัดทำให้บอลโด่งเหินข้ามคานออกหลังไป

จากนั้นหมดเวลาการแข่งขันครึ่งแรก สเปอร์ส ตามหลัง เซาธ์แฮมป์ตัน 0-1


ครึ่งเวลาหลัง

กลับมาสู่เกมครึ่งหลัง ในนาทีที่ 51 เจ้าบ้านทำเกมรุกขึ้นมา ก่อนที่ แกเร็ธ เบล จะตอกส้นให้ ซน ฮึง-มิน ได้หวด แต่ไปติดบล็อกของ แยน เบดนาเร็ค

นาทีที่ 54 สเปอร์ส บุกต่อ โดย ลูคัส มูร่า เคาะบอลให้ แกเร็ธ เบล เลี้ยงบอลตัดเข้าใน ก่อนมองเห็นนช่องแล้วซัดไกลด้วยซ้าย บอลพุ่งแรง แต่ไปตรงตัว อเล็กซ์ แม็คคาร์ธี่ รับเอาไว้ได้

ต่อมาในนาทีที่ 60 เจ้าบ้านเซตเกมขึ้นมา แล้ว ต็องกีย์ เอ็มดอมเบเล่ จ่ายยัดเข้าในให้ ซน ฮึง-มิน แตะต่อไปยัง ลูคัส มูร่า ได้ซัด แต่ติดบล็อก โมฮัมเหม็ด ซาลิซู กระดอนไปเข้าทาง แกเร็ธ เบล จับแต่งจังหวะก่อนปั่นด้วยซ้าย บอลโค้งตุงตาข่ายช่วยให้ สเปอร์ส ตามตีเสมอ เซาธ์แฮมป์ตัน 1-1

นาทีที่ 75 เจ้าบ้านยังคงทำเกมรุกต่อเนื่อง โดย โจวานนี่ โล เซลโซ่ ไหลบอลออกข้างให้ แฮร์รี่ วิงค์ส จ่ายตัดเข้าใน แล้วเป็น ซน ฮึง-มิน ที่ง้างเท้าแปส่งบอลสู่ก้นตาข่าย แต่เมื่อผู้ตัดสินได้รับสัญญาณจากห้องวีเออาร์ แล้วเดินไปดูภาพช้าด้วยตัวเอง ก่อนจะชี้ว่า เป็นจังหวะล้ำหน้า ทำให้ สเปอร์ส โดนริบสกอร์คืน

ถัดมาในนาทีที่ 87 มุสซ่า เฌเนโป ไปทำฟาวล์ใส่ แฮร์รี่ วิงค์ส ล้มลงตรงเส้นกรอบเขตโทษ แล้วเมื่อผู้ตัดสินได้รับสัญญาณจากห้องวีเออาร์ ก่อนจะปรึกษากัน แล้วชี้ให้เป็นจุดโทษแก่ทีมเจ้าบ้าน จากนั้นนาทีที่ 90 ซน ฮึง-มิน รับหน้าที่สังหารไม่พลาดพา สเปอร์ส แซงนำ เซาธ์แฮมป์ตัน 2-1

หลังจากนั้นไม่มีทีมใดทำประตูได้ หมดเวลาการแข่งขัน สเปอร์ส เปิดบ้านชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 2-1  ทำให้ "ไก่เดือยทอง" เฮแรกรอบ 4 เกม แซง ลิเวอร์พูล ขึ้นมารั้งอันดับ 6 มี 53 คะแนนเท่ากัน แต่ลูกได้-เสียดีกว่า และแข่งมากกว่า 1 นัด จี้ เชลซี ทีมอันดับ 4 เหลือ 2 แต้ม ด้าน "นักบุญ" พ่าย 2 เกมติด อยู่ที่ 14 มี 36 คะแนน เหนือโซนตกชั้น 9 แต้มเท่าเดิม


รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

สเปอร์ส ระบบ (4-3-3) : อูโก้ โยริส ; แซร์ก ออริเย่ร์, โทบี อัลเดอร์แวเรลด์, เอริค ดายเออร์, เซร์คิโอ เรกีลอน ; โจวานนี่ โล เซลโซ่ (เอริค ลาเมล่า น.79), ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก, ต็องกีย์ เอ็มดอมเบเล่ (แฮร์รี่ วิงค์ส น.73) ; ลูคัส มูร่า, ซน ฮึง-มิน, แกเร็ธ เบล (สตีเว่น เบิร์กไวจ์น น.83)

เซาธ์แฮมป์ตัน ระบบ (4-4-2) : อเล็กซ์ แม็คคาร์ธี่ ; ไคล์ วอล์คเกอร์-ปีเตอร์ส, แยน เบดนาเร็ค, ยานนิค เวสเตอร์การ์ด, โมฮัมเหม็ด ซาลิซู ; ธีโอ วัลค็อตต์ (มุสซ่า เฌเนโป น.67), เจมส์ วอร์ด-เพร้าส์, สจ๊วร์ต อาร์มสตรอง, นาธาน เทลล่า (นาธาน เร้ดมอนด์ น.84) ; เช อดัมส์, แดนนี่ อิงส์ (อิบราฮิมา ดิยัลโล่ น.57)

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง