3สิ่งที่เปลี่ยนไปของอาร์เซน่อลในยุค มิเกล อาร์เตต้า

แม้ในการคุมทีมสองนัดแรกของกุนซือชาวสแปนิชจะพาทีมเก็บชัยไม่ได้เลย (เสมอ 1 แพ้1) แต่หลังจากนั้นสองเกมล่าสุด "เดอะ กันเนอร์ส" เก็บชัยได้ทั้งหมดจากการเอาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด และ ลีดส์ ยูไนเต็ด ในศึกเอฟเอ คัพ พาทีมผ่านเข้ารอบต่อไปได้สำเร็จ ซึ่งการมาของ อาร์เตต้า นั้นแสดงให้เห็นถึงวคามเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน

เราจะพาไปดูกันว่ามีอะไรบ้างที่ อาร์เซน่อล เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น 

เค้นฟอร์มของนักเตะกลับมา 

มีนักเตะหลายคนที่กลับมาโชว์ฟอร์มได้ดีหลังการมาของ อาร์เตต้า คนแรกเลยคือ เมซุส โอซิล โดยเฉพาะในเกมที่เอาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด มิดฟิลด์ชาวเยอรมันมีสถิติวิ่งมากสุดในสนามที่ 11.53 กิโล ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ได้เห็นจากเจ้าตัวบ่อยนัก รวมถึงมีจังหวะจ่ายบอลสวยๆในหลายๆเกมที่ผ่านมากลับมาเป็นคนเดิมอีกครั้ง แน่นอนว่า อาร์เตต้า รู้จักฝีเท้าของ โอซิล ดีอยู่แล้วหลังเคยเล่นร่วมกันมาถึง 3 ฤดูกาลสมัยเป็นนักเตะ 

ขณะที่อีกหนึ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนเลยคือ ลูคัส ตอร์เรยร่า โดย อาร์เตต้า ปรับให้แข้งชาวอุรุกวัยเล่นเกมรุกมากขึ้นแบบไสตล์บ็อกซ์ทูบ็อกซ์ซึ่งเป็นรูปแบบการเล่นที่ถนัดของเจ้าตัวมากที่สุดและเป็นการเล่นที่แจ้งเกิดกับ ซามพ์โดเรีย พร้อมกับทำลายเกมรุกคู่แข่งตั้งแต่แดนกลางได้ยอดเยี่ยม 

ส่วนผู้เล่นอย่าง ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมย็อง ที่เป็นเพียงไม่กี่คนในทีมที่ยังโชว์ฟอร์มได้สม่ำเสมอก็ยังมีสถิติหลายๆอย่างที่ดีขึ้นเดิมทั้งการวิ่งที่มากขึ้น 1.7 กม. ต่อนัด, การสปรินต์มากขึ้น 6.1 ครั้งต่อนัด, การแท็กเกิ้ลมากขึ้น 1.3 ครั้งต่อนัด, การตัดบอลได้มากขึ้น 1.3 ครั้งต่อนัด และ หาโอกาสยิงได้มากขึ้น 0.9 ครั้งต่อนัด

สปิริตภายในทีม

สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนนอกจากแท็คติกการเล่นแล้วคือนักเตะอาร์เซน่อลกลับมาเล่นได้อย่างมีชีวิตชีวาอีกครั้ง มีความกระหายในชัยชนะ ซึ่งแตกต่างจากยุคของ เฟรดริก ลุงเบิร์ก และ อูไน เอเมรี่ ที่นักเตะแทบจะเดินเล่นในแต่ละเกมซึ่งมันแสดงออกมาอย่างชัดเจน 

ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา อาร์เซน่อล มีปัญหาสภาพจิตใจอย่างมากเนื่องด้วยปัญหารุมเร้าหลายอย่าง ยิ่งเมื่อผลงานของทีมย่ำแย่ต่อเนื่องยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลง แต่ 4 เกมที่ผ่านมา อาร์เตต้า เข้ามาเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงจนส่งผลต่อฟอร์มการเล่นของทีมที่ดีขึ้น

รูปแบบการเล่น

อาร์เตต้า ยังยึดระบบการเล่น 4-2-3-1 โดยเข้ามาเพิ่มเติมให้ทีมเน้นการเพรสซิ่งเร็วให้ผู้เล่นเกมรุกช่วยไล่บอลตั้งแต่แดนคู่แข่ง และการต่อบอลกับเท้าที่แม่นยำขึ้น ซึ่งเป็นสไตล์การเล่นที่แฟนๆโหยหามาโดยตลอด ซึ่ง อูไน เอเมร่ ไม่สามารถทำได้นับตั้งแต่ อาร์เซน เวนเกอร์ อำลาตำแหน่งไป 

นอกจากนี้แฟนๆยังได้เห็น 4 แนวรุกทั้ง นิโกล่าส์ เปเป้, เมซุส โอซิล, ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมย็อง และ อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ ลงประสานงานเป็นตัวจริงร่วมกันเป็นครั้งแรกในฤดูกาลนี้ด้วยในเกมที่เอาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-0 และหากใช้เวลาปรับจูนอีกสักระยะอาจจะเป็น 4 ประสานที่เป็นอาวุธอันตรายที่สร้างความปั่นป่วนให้คู่แข่งได้มากขึ้น