“ปราปต์ปฎล” งง โดนเรียกเก็บเงินหลัก 10 ล้าน (มีคลิป)
ชีวิตพังมานานกว่า 5 เดือน “ปราปต์ปฎล” งงโดนคดีฟอกเงิน พร้อมงัดหลักฐานหลักถูกเรียกเงินช่วยเรื่องคดีความ
วันนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. นักแสดงรุ่นใหญ่ อย่าง “ปราปต์ปฎล” ได้เดินทางไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ เพื่อยื่นหนังสือขอทราบความคืบหน้าคดีฐานความผิดร่วมกันฟอกเงิน ที่เจ้าตัวโดนแจ้งข้อกล่าวหาไปเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา พร้อมกับนำหลักฐานไปให้ดีเอสไอ หลังมีคนบอกว่าเป็นที่ปรึกษาของเลขารัฐมนตรี แนะนำให้จ่ายเงินเพื่อช่วยเหลือในทางคดี
โดย ปราปต์ เปิดเผยว่า ที่มาเรียกร้องในวันนี้ เพราะมันมีเหตุการณ์ที่สอดคล้องไปถึงเมื่อตอนที่แฟนสาวถูกดำเนินคดี แล้วก็ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ต่อมาวันที่ 21 สิงหาคมเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งที่สนิทกันของแฟนสาว ก็ติดต่อมาว่าเขารู้จักกับที่ปรึกษาของเลขารัฐมนตรีท่านหนึ่ง ว่าต้องการจะมาคุยด้วย เพื่อที่จะให้ความช่วยเหลือในคดีแฟนสาว แล้วก็นัดไปเจอกันที่โรงแรงแห่งหนึ่ง และที่ปรึกษาคนนี้ก็พูดออกมาว่าอาจจะต้องใช้เงินหลัก 10ล้าน หลังจากที่เรียกตบทรัพย์ครั้งนั้นเจ้าตัวก็อึ้ง เพราะทั้งชีวิตก็หาไม่ได้ขนาดนั้น และก็ไม่มีเงินจ่าย ก็เลยต้องเงียบไป พอเงียบไปไม่ถึงเดือนก็ได้รับข้อกล่าวหาว่าฟอกเงิน ซึ่งก็ทำให้มีความรู้สึกว่าทำไมทุกอย่างมันประจวบเหมาะ
นางสาวชิดชญา เปิดเผยว่า จุดเริ่มต้นที่ได้รู้จักกับนายปราบต์ คือเมื่อเดือนมิถุนายน โดยได้ทักไปหาแฟนสาวที่เป็นเพื่อนสนิทกันเพื่อขอให้นายปราบต์ โปรโมทนาฬิกายี่ห้อหนึ่งที่ขายอยู่ ส่วนเรื่องที่กำลังเป็นข่าว นั้น เจ้าตัวยืนยันว่าการพูดคุยครั้งนี้เป็นเพียงการสอบถามเรื่องเงื่อนไขการประกันตัวเท่านั้น โดยทนายเฮงก็ได้แนะนำเพียงว่า คดีนี้มีความเสียหายจำนวนมาก ทำให้วงเงินเงื่อนไขการประกันตัวก็ต้องใช้จำนวนมากเช่นกันเป็นหลักล้าน โดยที่ไม่ได้บอกจำนวนเงิน 10 ล้านบาท ตามที่นายปราบต์กล่าวหา รวมทั้งไม่ได้มีการกล่าวอ้างถึงการวิ่งเต้นคดี หรือ พูดถึงผู้ใหญ่ในกระทรวงยุติธรรมเพื่อขอความช่วยเหลือ หรือวิ่งเต้นคดี และไม่มีการตบทรัพย์ใดใดทั้งสิ้น ซึ่งคดีนี้อยู่ในชั้นศาลแล้ว จึงไม่สามารถวิ่งเต้นคดีในชั้นสอบสวนได้
ด้าน ทนายเฮง ยืนยันว่าไม่ได้พูดว่า “ความยุติธรรม ต้องมีค่าใช้จ่าย” แต่หากตามหลักการว่าจ้างคดีความแล้วก็จำเป็นต้องมีค่าจ้างทนายความวิชาชีพ และค่าดำเนินการในชั้นศาลอยู่แล้ว แต่จะจำนวนเท่าไรก็ขึ้นอยู่กับการตกลงระหว่างคู่ความ โดยหลังจากนี้ทั้งสองคนก็จะไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายปราบต์ ในข้อหา หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เนื่องจากถือว่าได้รับความเสียหายทั้งเรื่องชื่อเสียง และผลกระทบความน่าเชื่อถือทางธุรกิจ