เกิดจากปัจจัยอะไร ความต้องการทองคำทั่วโลกปี 2566 สูงสุดเป็นประวัติการณ์

สภาทองคำโลก เปิดเผยรายงาน ความต้องการทองคำทั่วโลกปี 2566 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากสถานการณ์ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ

สถานการณ์ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ความต้องการทองคำทั่วโลก ในปี 2566 ที่ผ่านมา สูงเป็นประวัติการณ์ 

สภาทองคำโลก หรือ WGC เปิดเผยรายงาน ความต้องการทองคำทั่วโลก ซึ่งนับรวมการซื้อขายโดยตรง หรือ OTC และการซื้อขายล่วงหน้า หรือ SF ในปี 2566 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 4,899 ตัน ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ อีกทั้งยังพบว่า ความต้องการของกลุ่มธนาคารกลางสูงถึง 1,037 ตัน ซึ่งสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์

สำนักข่าวซินหัวรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวานนี้ ( 3 ก.พ. ) ว่ากองทุนรวม หรือ ETF เฉพาะทองคำของทั่วโลก มีการไหลออกของทองคำติดต่อกันเป็นปีที่ 3 นับตั้งแต่ปี 2563 ด้วยจำนวน 244 ตัน

อย่างไรก็ตาม ความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองของทั่วโลกลดลงร้อยละ 3 เมื่อเทียบปีต่อปี ขณะที่ความต้องการซื้อขายเครื่องประดับเพิ่มขึ้นเป็น 2,093 ตัน

ด้านอุปทานทองคำทั่วโลกเมื่อปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเทียบปีต่อปี ส่วนการผลิตของเหมืองทองคำเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เมื่อเทียบปีต่อปี อยู่ที่ 3,644 ตัน

รายงานของ  สภาทองคำโลก ก่อนหน้านี้ ระบุว่า ความต้องการทองคำในปี 2566 นับว่าแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับระดับเฉลี่ยในรอบ 10 ปี อันเนื่องมาจากสถานการณ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ

สถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ รวมทั้งความตึงเครียดด้านการค้า, การเลือกตั้งในกว่า 60 ประเทศทั่วโลก และแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ล้วนเป็นปัจจัยหนุนความต้องการทองคำในปี 2567 นี้ และสามารถชดเชยผลกระทบจากยอดสั่งซื้ออัญมณีที่ปรับตัวลงเนื่องมาจากราคาที่สูงขึ้น และเศรษฐกิจชะลอตัวลง

ธนาคารกลางทั่วโลกได้เข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2565 โดยความต้องการทองคำจากธนาคารกลางในปี 2566 อยู่ที่ระดับ 1,037.4 ตัน ลดลง ร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับปี 2565 และ แม้ธนาคารกลางเข้าซื้อทองคำในปี 2566 ไม่มากเท่ากับในปี 2565 แต่ก็สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่วนในปี 2567 คาดว่ายอดซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกอาจลดลงราว 200 ตัน 

ภาพจาก TNN ONLINE