“เอลนีโญ” กระทบผลผลิตกาแฟทั่วโลกลดลง

“กาแฟ” ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของอินโดนีเซียได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญในปีนี้เป็นอย่างมาก โดยเจ้าของไร่กาแฟบอกว่า ก่อนหน้านี้ซึ่งเป็นปีที่เผชิญกับปรากฏการณ์ลานีญา ฝนตกหนักมากผิดปกติ ดอกร่วงเสียหายเยอะจนผลิตกาแฟได้น้อยที่สุดในรอบ 10 ปี และทำให้ราคาเมล็ดกาแฟพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ มาปีนี้ เจอกับปรากฏการร์เอลนีโญซ้ำเติมอีก โดยอากาศร้อนจัดและแห้งแล้งก็ทำให้ดอกกาแฟเบ่งบานไม่เต็มที่ คาดว่าผลผลิตก็จะลดลงอีกเช่นกัน เจ้าของโรงคั่วกาแฟคาดการณ์ว่า เมล็ดกาแฟจะราคาสูงขึ้นและอาจขาดแคลนผลผลิตช่วงไปจนถึงเดือนตุลาคม ไม่เพียงแต่ประเทศอินโดนีเซียเท่านั้น แต่ประเทศในแถบ Bean Belt หรือพื้นที่บริเวณเส้นศูนย์สูตรที่สามารถปลูกกาแฟ ลากผ่านทั้ง 5 ทวีปและครอบคลุมหลายประเทศ เช่น เปรู บราซิล เอธิโอเปีย โคลอมเบียเป็นต้น พื้นที่เหล่านี้ตอนนี้ก็กำลังเผชิญกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศเช่นกัน เพราะโดยปกติแล้ว พื้นที่บริเวณที่ปลูกกาแฟได้ออกมาคุณภาพดี ต้องมีฝนและแสงแดดที่เพียงพอ อุณหภูมิในการปลูกอยู่ที่ประมาณ 20 องศา ภูมิประเทศเป็นที่สูง และดินต้องมีความอุดมสมบูรณ์ แต่หลังๆมานี้พอโลกร้อนขึ้น ทำให้พื้นที่เพาะปลูกกาแฟลดลงไปด้วยเพราะปัจจัยต่างๆเริ่มไม่เอื้อต่อการปลูก ปัญหาผลผลิตกาแฟที่ลดลงจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ไม่ได้เกิดขึ้นที่อินโดนีเซียที่เดียวเท่านั้นแต่กำลังกระทบประเทศส่งออกกาแฟทั่วโลก ทำให้มีความเป็นไปได้สูงทีเดียวว่าหลังจากนี้เราคงจะได้เห็นราคาของกาแฟในตลาดพุ่งสูงกว่าเดิม