"พายุลูกใหม่" เคลื่อนตัวเข้า 10 จังหวัดของไทยจริงหรือ อุตุฯชี้แจงแล้ว?

สภาพอากาศ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ไขข้อสงสัย ไทยเตรียมรับ "พายุลูกใหม่" เคลื่อนตัวเข้า 10 จังหวัด จริงหรือ ล่าสุดกรมอุตุฯชี้แจงแล้ว

วันนี้( 6 ต.ค.65) จากกรณีที่มีผู้โพสต์ระบุว่าพายุลูกใหม่เคลื่อนตัวเข้า 10 จังหวัด ในประเทศไทย ทางกรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า เป็นข่าวปลอม ซึ่งเป็นการคาดการณ์โดยใช้ข้อมูลแบบจำลองของปี 2564 หากมีพายุเกิดขึ้นจริง กรมอุตุนิยมวิทยาจะประกาศเตือนล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน และจากการติดตามสภาพอากาศในช่วงวันที่ 5 – 8 ต.ค. 65 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และทะเลจีนใต้ ส่

งผลทำให้ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดเข้ามาปกคลุมประเทศไทยและอ่าวไทย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมทะเลอันดามัน และภาคใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้

สำหรับในช่วงวันที่ 9 – 10 ต.ค. 65 บริเวณความบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนอีกระลอกหนึ่งจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1 – 2 เมตร

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อมิให้เกิดความสับสนและตื่นตระหนก และขอให้ติดตามการรายงานสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.tmd.go.th หรือเฟซบุ๊ก กรมอุตุนิยมวิทยา หรือโทรสายด่วน 1182

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : เป็นการคาดการณ์โดยใช้ข้อมูลแบบจำลองของปี 2564 ซึ่งในวันที่ 5 – 8 ต.ค. 65 ประเทศไทยบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้

ที่มา ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม

ภาพจาก AFP