นักวิชาการ ชี้ นั่งท้ายกระบะความเร็วสูง อัตราความสูญเสียมาก
ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน เผย รถกระบะแซงกระชั้นชิด ใช้ความเร็วเกือบ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้มีแรงเหวี่ยงสูงเท่ากับคนตกตึก 19 ชั้น จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุสูง
วันนี้ (29 ก.ย.62) นพ.ธนพงษ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปภ.) วิเคราะห์ความรุนแรงกรณีกระบะบรรทุกนักศึกษาฝึกงานศรีษะเกษเสียหลักชนเสาไฟฟ้าและมียอดผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ว่า หากตรวจสอบจากคลิปวิดีโอที่เผยแพร่กันจะพบว่า รถกระบะวิ่งมาด้วยความเร็วสูงน่าจะเกือบ 120 กม./ชั่วโมง แถมยังแซงในระยะกระชั้นชิด ทำให้แรงเหวี่ยงคนที่อยู่ท้าย มีความแรงเท่ากับตกตึก 19 ชั้น จนเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจำนวนมาก
นพ.ธนพงษ์ ระบุว่า การนั่งท้ายกระบะมีความเสี่ยงมากกว่าปกติยู่แล้ว เพราะรถมีโอกาสพลิกคว่ำมากจากจุดศูนย์ถ่วงที่เพิ่มมากขึ้น ยิ่งเมื่อวิ่งมาด้วยความเร็วสูง และมีคนนั่งท้ายกระบะยิ่งทำให้มีความเสี่ยงต่อการพลิกคว่ำ และทำให้เกิดการสูญเสียมากกว่าปกติ
หากเทียบอัตราความเร็วที่ทำให้เกิดแรงเหวี่ยงเปรียบเทียบกับการตกตึก จะพบว่า หากวิ่งด้วยความเร็ว 60 กม./ชม. แรงเหวี่ยงจะเท่ากับตกตึก 5 ชั้น แต่ถ้าวิ่งมาด้วยความเร็ว 80 กม./ชม. แรงเหวี่ยงจะเท่ากับตกตึก 8 ชั้น แต่หากวิ่งมาด้วยความเร็ว 120 กม./ชม. แรงเหวี่ยง จะเท่ากับตกตึก 19 ชั้น ดังนั้น ความสูญเสียจากกรณีกระบะบรรทุกนักศึกษานั่งท้ายที่สมุทรปราการ จึงมีอัตราความสูญเสียสูง เนื่องจากมีแรงเหวี่ยงเท่ากับตกตึกถึง 19 ชั้น
อย่างไรก็ตาม นพ.ธนพงษ์ ได้ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ในพื้นที่ดังกล่าว บริษัทจุดที่มีงานรื่นเริง มีหมอลำ มีด่านตรวจแอลกอฮอล์ด้วยหรือไม่ นอกจากนี้สิ่งที่ต้องตามต่อไป คือใครเป็นเจ้าของรถ มีความคุ้มครองหรือไม่ และจะเยียวยากันอย่างไร รวมไปถึงการกำหนดความรับผิดชอบร่วมกับสถาบันการศึกษาที่จะทำให้ผู้ปกครองมั่นใจว่า ส่งลูกหลานไปฝึกงานจะมีความปลอดภัย โดยอาจจะต้องมีข้อตกลงในเรื่องของการเดินทางของนักศึกษาดังกล่าว โดยห้ามมีการใช้รถยนต์ด้วยหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องที่ต้องติดตามต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- นศ.กลับจากดูหมอลำ ควบกระบะชนเสาไฟพลิกคว่ำเทกระจาด 12 ศพเกลื่อนถนน
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand