ความต้องการทองคำจากจีนแข็งแกร่ง วิเคราะห์โดย ฮั่วเซ่งเฮง

GOLD BULLISH และ GOLD BEARISH

GOLD BULLISH

• การผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆ
• ความต้องการทองคำจากจีนในปีนี้คาดเพิ่มขึ้น
• ธนาคารกลางซื้อทองคำในเงินทุนสำรองเพิ่มขึ้น
  GOLD BEARISH
• ธนาคารกลางสหรัฐส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงิน
• เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวอย่างชัดเจน 
• การกระจายวัคซีนโควิด-19

ความต้องการทองคำจากจีนไตรมาส 2 ยังแข็งแกร่ง

หลังจากปีที่แล้วความต้องการทองคำจากจีนซึ่งเป็นประเทศที่ใช้ทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลกลดลงอย่างมาก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19  แต่ในช่วงครึ่งปีหลังของปีที่แล้วความต้องการทองคำจากจีนเริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจนถึงในปีนี้ ในไตรมาส 1 ความต้องการทองคำแข็งแกร่งมาก ทั้งความต้องการภาคเครื่องประดับและความต้องการเพื่อการลงทุน ที่น่าสนใจคือความต้องการภาคเครื่องประดับสูงถึง 191 ตัน ทั้งที่ความต้องการในส่วนนี้ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก ตรงนี้สะท้อนให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจของจีนเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ถึงแม้ว่าในไตรมาส 2 ความต้องการภาคเครื่องประดับลดลงเหลือ 146 ตัน แต่เมื่อเทียบรายปีเพิ่มขึ้นถึง 62% ส่วนความต้องการเพื่อการลงทุนในไตรมาส 1 สูงถึง 86 ตัน ส่วนในไตรมาส 2 ลดลงเหลือ 57 ตัน แต่เมื่อเทียบรายปีเพิ่มขึ้น 41%

ความต้องการทองคำจากจีน (ตัน)    

การนำเข้าทองคำของจีนรายเดือน (ตัน) 

ที่มา : World Gold Council

ข้อมูลเศรษฐกิจของจีนอ่อนแอลง

ทางการจีนมองว่าเศรษฐกิจจีนได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดครั้งใหม่ของไวรัสโควิด-19 ภัยพิบัติน้ำท่วม นอกจากนี้การที่รัฐบาลจีนประกาศใช้มาตรการที่เข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในหลายเมืองได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจภาคบริการของจีน สะท้อนให้เห็นว่าข้อมูลเศรษฐกิจของจีนอ่อนแอลง ไม่ว่าจะเป็นผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนในเดือนก.ค.ขยายตัว 6.4% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 7.8% ยอดค้าปลีกเดือนก.ค.ขยายตัวเพียง 8.5% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ที่ระดับ 11.5%  นอกจากนี้ทางการจีนจะดำเนินการอย่างจริงจังตามข้อกฎหมายในด้านต่างๆ ซึ่งรวมถึงความมั่นคงแห่งชาติ เทคโนโลยี และการผูกขาด ทำให้อาจเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ จากการที่จีนเป็นประเทศที่ใช้ทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก ดังนั้นถ้าเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง อาจจะกระทบต่อความต้องการทองคำได้ อย่างไรก็ดีเมื่อดูข้อมูลตัวเลขการนำเข้าทองคำของจีนล่าสุดเดือนก.ค.ยังอยู่ในระดับที่สูงและถือว่าเป็นระดับที่สูงกว่าก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19  ดังนั้นผมยังมองว่าความต้องการทองคำจากจีนยังช่วยหนุนความต้องการทองคำโดยรวมในปีนี้

สัปดาห์นี้ราคาทองคำคาดปรับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,833  ดอลลาร์ หลังจากการแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมเฟดประจำปีที่เมืองแจ็กสัน โฮล แถลงว่าเฟดยังไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ถึงแม้ว่าเฟดจะปรับลดวงเงินมาตรการ QE ในปีนี้ ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้คือการจ้างงานของสหรัฐเดือนส.ค. ซึ่งราคาทองคำคาดจะผันผวนถ้าการจ้างงานสหรัฐออกมาแตกต่างจากที่ตลาดคาดไว้มาก ซึ่งตลาดคาดการจ้างงานภาคเอกชน ADP และการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.จะเพิ่มขึ้น 650,000 ตำแหน่ง และเพิ่มขึ้น 750,000 ตำแหน่ง ตามลำดับ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI เขตชิคาโกเดือนส.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค. ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนส.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดุลการค้าเดือนก.ค. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ค. 

ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,800 ดอลลาร์ และ 1,780 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,833 ดอลลาร์ และ 1,850 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 27,700 บาท และ 27,450 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 28,150 บาท และ 28,350 บาท