ราคาทองคำยังคงปรับตัวขึ้นได้ต่อ แม้เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย วิเคราะห์โดย ฮั่วเซ่งเฮง

ราคาทองคำยังคงปรับตัวขึ้นได้ต่อ แม้ว่าช่วงที่เหลือของปีเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดย ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง

Gold Bullish	Gold Bearish
ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ	ธนาคารกลางสหรัฐอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนก.ย.
สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยืดเยื้อ	การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนที่มีความคืบหน้ามากขึ้น
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน	เงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น

ราคาทองคำยังคงปรับตัวขึ้นได้ต่อ แม้เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย วิเคราะห์โดย ฮั่วเซ่งเฮง

ภาพประกอบ : ทีมพีอาร์ ฮั่วเซ่งเฮง,TNN ONLINE

ราคาทองคำยังคงปรับตัวขึ้นได้ต่อ แม้ว่าช่วงที่เหลือของปีเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำ spot ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องภายหลังผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% สู่ระดับ 2.25-2.50% ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ราคาทองคำปรับตัวลดลงในระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน เนื่องจากตลาดซึมซับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นในระดับสูงสุดในรอบ 20 ปีจากปัจจัยดังกล่าวเช่นกัน จึงเป็นแรงกดดันตลาดทองคำในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

ขณะที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในช่วงที่เหลือของการประชุม ซึ่งได้แก่ การประชุมเฟดในเดือนก.ย. พ.ย. และธ.ค. นั้น เฟดยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้ง ทางด้านข้อมูล CME Group พบว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนก.ย. ซึ่งช่วยลดความร้อนแรงของการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว ขณะที่ในการประชุมเฟดเดือนพ.ย. และเดือนธ.ค. นั้น นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยในปีนี้อยู่ที่ระดับ 3.25%-3.50% ภายในสิ้นปีนี้ การลดความร้อนแรงของการใช้นโยบายทางการเงินของเฟด สะท้อนถึงอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มมีการชะลอตัวลง หลังจากที่ก่อนหน้าที่อัตราเงินพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในรอบ 40 ปี

ขณะที่ราคาน้ำมันก็เริ่มชะลอตัวลงเช่นกัน ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ พลังงาน ปรับตัวลง อย่างไรก็ตามยังคงต้องจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ รวมถึงหลายๆประเทศ ที่เปิดเผยออกมาอาจไม่ค่อยดีนักในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะเป็นแรงหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อไป แม้ว่าเฟดยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลังก็ตาม

เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวลงติดต่อกัน 2 ไตรมาสส่อสัญญาณเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย

แม้ว่าเฟดจะมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะไม่เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย เพราะหลายภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจที่มีความแข็งแกร่งมากเกินไป อย่างไรก็ตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ได้เปิดเผยออกมานั้นมีความอ่อนแอ ซึ่งเศรษฐกิจสหรัฐได้หดตัวติดต่อกันเป็น 2 ไตรมาส ซึ่งการลดลงของ GDP มาจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงการลดลงของการลงทุนที่อยู่อาศัยและที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัย การใช้จ่ายของภาครัฐในระดับรัฐบาลกลาง รัฐ และระดับท้องถิ่น การลงทุนโดยรวมของภาคเอกชนในประเทศร่วงลง 13.5% ในช่วงสามเดือน ทั้งนี้แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐพบว่า GDP ติดลบไตรมาสที่สองติดต่อกัน แต่นักเศรษฐศาสตร์หลายท่านไม่ถือว่าเศรษฐกิจนี้เป็นภาวะถดถอย แต่ความเสี่ยงจากภาวะถดถอยเพิ่มขึ้นเนื่องมาจากผู้กำหนดนโยบายของเฟดได้ดำเนินการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งอาจขยายไปสู่ปี 2566 การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดได้นำไปสู่อัตราที่สูงขึ้นสำหรับบัตรเครดิตและสินเชื่อต่าง ๆ ส่งผลกระทบต่อการชำระหนี้ ต้นทุนเงินทุนที่สูงขึ้น หรือแม้กระทั้งยอดขายที่ต้องอาศัยสินเชื่อ ไดแก่ ยอดขายบ้านที่อ่อนไหวเป็นพิเศษต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย

แนวโน้ม ราคาทองคำ ในสัปดาห์นี้คาดว่าปรับตัวขึ้น ส่วนสัปดาห์นี้สหรัฐจะเปิดเผยการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 250,000 ตำแหน่ง จากที่เพิ่มขึ้น 372,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. นอกจากนี้ติดตามดุลการค้าเดือนมิ.ย. ค่าจ้างเฉลี่ยต่อชั่วโมงเดือนก.ค. และอัตราการว่างงานเดือนก.ค.

ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 1,750 ดอลลาร์ และ 1,740 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,780 ดอลลาร์ และ 1,790 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 30,150 บาท และ 30,000 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 30,500 บาท และ 30,650 บาท