เจ้าหน้าที่เฟดหนุนขึ้นดอกเบี้ย เตรียมรับมือวิกฤตเศรษฐกิจ วิเคราะห์โดย ฮั่วเซ่งเฮง

เจ้าหน้าที่เฟดหลายท่านสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เตรียมรับมือวิกฤตเศรษฐกิจ วิเคราะห์โดย ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง

Gold Bullish	Gold Bearish
ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ	ธนาคารกลางสหรัฐอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนมิ.ย. และเดือนก.ค.
สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนที่รุนแรงมากขึ้น	การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนที่มีความคืบหน้ามากขึ้น
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน	การกระจายวัคซีนโควิด-19

เจ้าหน้าที่เฟดหลายท่านสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เตรียมรับมือวิกฤตเศรษฐกิจ

ราคาทองคำสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงในระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากการพุ่งของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นกว่า 2.98% อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเจ้าหน้าที่เฟดหลายท่านจะมีความเห็นในทิศทางเดียวกันในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% ในการประชุมเดือนมิ.ย. และเดือนก.ค. ซึ่งก็ได้แก่ นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมทุกเดือนจนกว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวลง ขณะที่นางแมรี ดาลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโกออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมสองครั้งข้างหน้า นอกจากนี้ความเห็นของนางลอเร็ตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ ที่ไม่สนับสนุนให้เฟดยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. ซึ่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเร็วขึ้นหรือช้าลงนับตั้งแต่เดือนก.ย.นั้นขึ้นอยู่กับทิศทางของอัตราเงินเฟ้อ ก็เป็นไปตามความเห็นสอดคล้องกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้ตลาดยังคงถูกกดดันจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยเฉพาะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย.ที่กำลังใกล้ถึงนี้ อย่างไรก็ตามแม้ว่าระยะสั้นตลาดทองคำได้รับแรงกดดันจากปัจจัยดังกล่าวมาสักระยะหนึ่งก็ตาม แต่คำถามที่มีว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดนั้นเป็นการแก้ปัญหาวิกฤติทางเศรษฐกิจได้ดีหรือไม่ แม้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจช่วยชะลอด้านเงินเฟ้อให้ปรับตัวลดลง แต่ในขณะนี้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่เข้มงวดรุนแรงและเร็วเกินไป อาจทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงได้ ซึ่งเศรษฐกิจสหรัฐขณะนี้ยังคงฟื้นตัวไม่แข็งแกร่งมากนัก และยังคงมีปัจจัยเสี่ยงอีกหลายประการที่ยังคงสร้างความท้าทายต่อเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบจากการทำสงครามของรัสเซียและยูเครน ที่ส่งผลให้ราคาสินโภคภัณฑ์ ซึ่งรวมถึงราคาอาหารและเชื้อเพลิงพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง และมีโอกาสเป็นไปได้ว่าความขัดแย้งจากสงครามอาจทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นไปถึง 150 ดอลลาร์ ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างให้ราคาสินโภคภัณฑ์ที่สูงอยู่แล้วมีโอกาสปรับขึ้นสูงไปอีก นอกจากนี้การใช้มาตรการล็อกดาวน์ในจีนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้เกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และอาจส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกเช่นกัน ทั้งนี้นักลงทุนอาจเตรียมพร้อมรับกับวิกฤติเศรษฐกิจที่กำลังใกล้เข้ามา ซึ่งมีโอกาสว่าในช่วงปลายปีของปีนี้ราคาทองคำอาจกลับมาสดใสอีกครั้งหนึ่ง

การต่อสู้ระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงต่อเนื่องมากกว่า 100 วันแล้ว

เราก็คงต้องยอมรับความจริงว่าผลกระทบของสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อให้หลายประเทศพุ่งขึ้นสูงเป็นอย่างมาก ซึ่งขณะนี้สงครามก็ยังไม่มีแนวโน้มยุติ ขณะที่รัสเซียประกาศว่าได้ยึดครองดินแดนยูเครนราว 20% โดยรัสเซียได้เปรียบเทียบได้กับทั้งประเทศเนเธอร์แลนด์ ท่ามกลางการกดดันรัสเซียของนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็น มาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ขณะที่ล่าสุดสหภาพยุโรประงับการนำเข้าน้ำมันบางส่วนจากรัสเซีย รวมถึงกลุ่มโอเปกและชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส กำลังพิจาณาความเป็นไปได้ที่จะระงับการมีส่วนร่วมของรัสเซียในข้อตกลงด้านการผลิตของโอเปกพลัส แต่สงครามก็ยังคงไม่มีท่าทีจะยุติลง สร้างความท้าทายเป็นอย่างมากของเจ้าหน้านโยบายการเงินของแต่ละประเทศในการใช้นโยบายทางการเงินเพื่อเตรียมตัวรับความท้าทายและปัญหาเงินเฟ้อ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งหากว่าสงครามยังคงไม่สิ้นสุดและดำเนินต่อเนื่องต่อไป ก็อาจเตรียมพร้อมต่อวิกฤตเศรษฐกิจอีกครั้ง

แนวโน้มราคาทองคำระยะสั้นคาดปรับตัวลดลง ซึ่งตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ทั้งนี้สัปดาห์นี้สหรัฐจะเปิดเผยดุลการค้าเดือนเม.ย. ตลาดคาดว่าจะขาดดุลลดลง 89.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากที่ขาดดุล 109.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนมี.ค. และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบรายเดือนจากเพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน หรือเพิ่มขึ้น 8.3% เมื่อเทียบรายปี จากเพิ่มขึ้น 8.3% เมื่อเทียบรายปี

ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 1,830 ดอลลาร์ และ 1,820 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,870 ดอลลาร์ และ 1,880 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 29,800 บาท และ 29,700 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 30,250 บาท และ 30,400 บาท

เจ้าหน้าที่เฟดหนุนขึ้นดอกเบี้ย เตรียมรับมือวิกฤตเศรษฐกิจ วิเคราะห์โดย ฮั่วเซ่งเฮง