TNN online (คลิป) “เดลตาครอน”ของจริงในอังกฤษ เสียชีวิตโควิดสหรัฐฯใกล้แตะล้าน

TNN ONLINE

รายการ TNN

(คลิป) “เดลตาครอน”ของจริงในอังกฤษ เสียชีวิตโควิดสหรัฐฯใกล้แตะล้าน

(คลิป) “เดลตาครอน”ของจริงในอังกฤษ เสียชีวิตโควิดสหรัฐฯใกล้แตะล้าน

องค์กรความมั่นคงสาธารณสุขแห่งสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า กำลังตรวจสอบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์ใหม่ เบื้องต้นพบมีการผสมกันทั้งสายพันธุ์เดลตาและโอมิครอน ซึ่งไม่ใช่การปนเปื้อน จึงต้องติดตามใกล้ชิดถึงความรุนแรงและหนีภูมิคุ้มกัน ส่วนที่นอร์เวย์ ประกาศยกเลิกมาตรการป้องกันโควิดขั้นสุดท้าย ด้วยการยกเลิกเว้นระยะห่างและยกเลิกสวมหน้ากากอนามัย

   องค์กรความมั่นคงสาธารณสุขแห่งสหราชอาณาจักร หรือ UKHSA เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังตรวจสอบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งในเบื้องต้นตรวจพบว่าสายพันธุ์ใหม่นี้มีการผสมกันทั้งสายพันธุ์เดลตาที่มีความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต และสายพันธุ์โอไมครอนที่แพร่ระระบาดอย่างรวดเร็วสูง และหนีภูมิคุ้มกัน

เบื้องต้น พบในตัวอย่างในกลุ่มเล็กๆ จำนวนไม่มาก  ส่วนความรุนแรงในการแพร่ระบาด หรือมีอาการเจ็บป่วยเบาบาง หรือรุนแรงมากน้อยแค่ไหน   ยังต้องเฝ้าติดตามและสอบสวนโรคต่อไป

   

   สำหรับสายพันธุ์ใหม่นี้ นักวิจัย UKHSA กล่าวว่า  ขณะนี้ยังไม่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ แต่เรียกในเบื้องต้นว่า Delta x Omicron Recombinant   


   ด้าน ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา จากไบโอเทค   โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กโดยระบุ "ไวรัสลูกผสมระหว่างเดลต้าและโอมิครอน ที่ตรวจพบใน อังกฤษนั้น หลายๆ คนไปเรียกว่าเดลตร้าครอน ( Deltacron) ก่อนหน้านี้มีการพูดถึงไวรัสลูกผสมในประเทศไซปรัส แต่ผลการตรวจสอบเชิงลึกพบว่าเป็นการปนเปื้อนของสารพันธุกรรมไวรัสมากกว่า แต่คราวนี้แตกต่าง เพราะเท่าที่ติดตามความเห็นจากนักวิจัยใน UK ดูเหมือนว่าจะเป็นไวรัสลูกผสมของจริง ที่เกิดขึ้นในผู้ป่วยที่ติดทั้งเดลต้า และโอมิครอน ส่วนความรุนแรงจะน่ากลัวหรือไม่ ข้อมูลระบุว่า ไวรัส มียีนส่วนด้านหน้าที่เรียกว่า ORF1ab (open reading frame)  มาจากเดลตา และส่วนด้านหลังซึ่งรวมหนามสไปค์ ไปจนถึงนิวคลีโอแคปซิดที่ใช้ตรวจ ATK มาจากโอมิครอน ประเด็นคือ เดลต้ามีการเปลี่ยนแปลงที่ ORF1ab ไม่มาก โดยเฉพาะตำแหน่งที่เชื่อว่าทำให้ไวรัสดุขึ้นอย่างการเปลี่ยนแปลงของโปรตีน non-structural protein6  หรือ(Nsp6) ซึ่งอยู่ในส่วนของ ORF1ab เช่นกัน ดังนั้น การไปเอา ORF1ab ของเดลต้าเข้ามาแทนของเดิมอาจไม่ทำให้โอมิครอนลูกผสมนี้เปลี่ยนไปในทางน่ากังวลมากนัก ทั้งนี้ ต้องดูว่าการกระจายของไวรัสลูกผสมจะเป็นอย่างไรถ้าไม่ได้ดีกว่าตัวพ่อแม่ ธรรมชาติก็จะจัดการตัวเองจนหายไป 




   ที่ประเทศนอร์เวย์ นายกรัฐมนตรีโยนัส กาฮ์ร สเตอร์   ได้ประกาศ ยกเลิกข้อจำกัดโควิดขั้นสุดท้ายเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยเลิกเว้นระยะห่างทางสังคมและสวมหน้ากากในพื้นที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน แม้ว่าจะมีการติดเชื้อ Omicron เพิ่มขึ้น "ตอนนี้เราสามารถเข้าสังคมได้เหมือนเมื่อก่อน ทั้งในสถานบันเทิงยามค่ำคืน ในงานวัฒนธรรม และในโอกาสทางสังคมอื่นๆ และระหว่างทางไปและกลับจากที่ทำงานด้วยรถประจำทาง รถไฟ และเรือข้ามฟาก"  ส่วนข้อกำหนดในการแยกตัวหากต้องสงสัยจะเป็นเวลา 4 วันหลังจากการทดสอบโควิดมีผลเป็นบวก ถูกลดระดับเป็นข้อเสนอแนะเท่านั้น และไม่ต้องให้เด็กที่มีอาการระบบทางเดินหายใจตรวจหาเชื้อโควิดอีกต่อไป  ซึ่งถือเป็นการตามรอยเดนมาร์กและสวีเดิน ด้วยการ "ประกาศชัยชนะเหนือโควิด19"

  

  ด้าน สถาบันสาธารณสุขแห่งนอร์เวย์ (FHI) กล่าวว่าประเทศยังไม่เห็นจุดสูงสุดของคลื่นการระบาดจากเชื้อ Omicron แต่คาดว่าจะเกิดขึ้นในไม่ช้าคามิลลา สตอลเทนแบร์ก ผู้อำนวยการหน่วยงานกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าจำนวนการรักษาในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อ ได้เพิ่มขึ้น 40% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา


   ที่แคนาดา กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านคำสั่งบังคับฉีดวัคซีน และมาตรการอื่นๆ ที่รัฐบาลแคนาดาใช้จำกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้นำยวดยานมาปิดกั้นทั้งสองฝั่งของสะพานแอมบาสซาเดอร์ ที่เชื่อมเมืองวินด์เซอร์ รัฐออนแทรีโอของแคนาดา กับเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกนของสหรัฐฯ มาตั้งแต่วันจันทร์ ทำให้การค้าระหว่างประเทศติดขัด เพราะสะพานเก็บค่าผ่านทางนี้เป็นด่านข้ามพรมแดนทางบกที่พลุกพล่านที่สุดของอเมริกาเหนือ ล่าสุด ตำรวจแคนาดา สามารถผลักดันผู้ประท้วงส่วนใหญ่ออกจากเชิงสะพานได้แล้ว พร้อมกับตั้งแถวและประกาศให้ผู้ประท้วงที่ยังเหลืออยู่สลายตัว ทำให้จำนวนผู้ประท้วง ลดลงอย่างมาก  เหลืออยู่เพียงไม่กี่สิบคน


  สหรัฐฯ ยังครองสถิติอันดับหนึ่งทั้งในแง่จำนวนผู้เสียชีวิตและติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดย มหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์  ได้รายงานข้อมูลล่าสุดว่า สหรัฐฯมีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิดเกิน 77.55 ล้านคนแล้วในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น และมีผู้เสียชีวิตกว่า 917,800 คน ตอนนี้ มี 11 รัฐ ซึ่งรวมทั้งรัฐแคลิฟอร์เนียและเนวาดา ที่ประกาศผ่อนปรน หรือยกเลิกคำสั่งสวมหน้ากากอนามัย   โดย อ้างผู้ป่วยโควิดเข้าโรงพยาบาลลดลงต่อเนื่อง และอัตราการฉีดวัคซีนก็สูงกว่าค่าเฉลี่ย


  โดยโรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการซีดีซี กล่าวว่า แม้ว่าจำนวนผู้ป่วยโควิดเข้าโรงพยาบาลลดลง แต่ตัวบ่งชี้การเสียชีวิตรายใหม่และผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาล ยังคงอยู่ในระดับสูงมาก เธอบอกว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะมาผ่อนคลายข้อบังคับสวมหน้ากากอนามัยโดยเฉพาะในหลายพื้นที่ที่มีอัตราการแพร่เชื้อสูง



ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง