ชาวออสเตรเลียสันนิษฐาน “โลกร้อน” อาจเป็นต้นเหตุไฟป่า

วันนี้ ( 12 พ.ย. 62 )Bushfire หรือไฟป่า กับออสเตรเลียเป็นของคู่กัน เรียกได้ว่ามาตามนัดเป็นประจำทุกปี แต่ไฟป่ารอบนี้ในรัฐนิว เซาธ์ เวลส์ และควีนสแลนด์ ลุกลามใหญ่โตและเกิดขึ้นเร็วก่อนฤดูกาลไฟป่า

สถานการณ์ดังกล่าวจึงทำให้คนออสเตรเลียเริ่มตั้งคำถามว่า ไฟป่าที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งและมาเร็วขึ้นนั้นเกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงหรือไม่

สำนักข่าวบีบีซีระบุว่า นักวิทยาศาสตร์เคยเตือนแล้วว่า สภาพอากาศที่ร้อนขึ้นและแห้งแล้งขึ้น จะทำให้ออสเตรเลียเผชิญไฟป่ามากขึ้นและรุนแรงขึ้น

ด้านผู้นำรัฐบาลของออสเตรเลียก็เผชิญเสียงวิจารณ์ในการรับมือปัญหานี้เช่นกัน โดยเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีสก็อตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลียเลี่ยงที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง โดยตอบเพียงแค่ว่า ขอเป็นกำลังให้ครอบครัวผู้เสียชีวิต ในขณะที่ผู้นำรัฐนิวเซาธ์เวลส์ ก็เลี่ยงที่จะตอบคำถามนี้เช่นกัน ทำให้คนออสเตรเลียบางส่วนมองว่าผู้นำทางการเมืองของพวกเขาไม่ใส่ใจในการแก้ปัญหา

ทั้งนี้ ภายใต้ข้อตกลงลดโลกร้อนปารีส ออสเตรเลียตั้งเป้าลดการปล่อนก๊าซเรือนกระจกลงให้ได้ร้อยละ 26-28 ภายในปี 2030 ซึ่งถูกบรรดานักสิ่งแวดล้อมมองว่า ไม่มากพอสำหรับประเทศพัฒนาแล้วเช่นออสเตรเลีย

ในปีที่แล้ว สหประชาชาติรายงานว่า ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นประเทศส่งออกถ่ายหินรายใหญ่สุดของโลก ไม่ได้ดำเนินการเพียงพอที่จะรักษาพันธสัญญาของออสเตรเลีย ขณะที่นายมอร์ริสันบอกกับที่ประชุมยูเอ็นว่า ออสเตรเลียกำลังพยายามเดินหน้าแก้ปัญหาโลกร้อนและรักษาสมดุลระหว่างการปกป้องสิ่งแวดล้อมกับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

ด้านดร. ริชาร์ด ธอร์นตัน จากศูนย์วิจัยไฟป่าและภัยธรรมชาติ ระบุว่า อุณหภูมิโดยเฉลี่ยของออสเตรเลียตอนนี้สูงกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาวราวหนึ่งองศาเซลเซียส นอกจากนี้ ฤดูกาลไฟป่ายังเกิดขึ้นเร็วกว่าเดิม และมีอันตรายสั่งสมในหลายพื้นที่มากขึ้น

ดร. ธอร์นตันเสริมว่า เราจะเห็นลักษณะของของไฟป่าที่เลวร้ายขึ้นและบ่อยขึ้นจากอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น

ขณะที่เกลนดา วาร์เดิล นักนิเวศวิทยาจากมหาวิทยาลัยซิดนียก็เห็นด้วย โดยบอกว่า สภาพอากาศที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ทุกเหตุการณ์เป็นผลโดยตรงมาจากปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง แต่ก็ทำให้เราเห็นแนวโน้มว่ามันมีความเชื่อมโยงกันอย่างปฏิเสธไม่ได้ ซึ่งเธอมองว่ารัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไรมากพอในการยับยั้งไม่ให้อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น

วาร์เดิลระบุว่า นอกจากปัญหาไฟป่าแล้ว ยังมีน้ำท่วมและภัยแล้ง และทุกครั้งรัฐบาลออสเตรเลียก็ไม่ทำอะไรในเรื่องสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง นอกจากการโทษกันไปมา เช่นโทษว่าปัญหาภัยพิบัตินั้นเกิดจากการบริหารจัดการที่ดิน