Editor’s Pick: ‘นเรนทรา โมดี’ ชนะ แต่พ่ายแพ้ ?!

“นี่เป็นวันอันรุ่งโรจน์ เมื่อพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติ หรือ NDA จะจัดตั้งรัฐบาลเป็นครั้งที่ 3 เราขอขอบคุณประชาชนอย่างยิ่ง และนี่คือชัยชนะของระบอบประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดในโลก’”

แม้จะคว้าชัยตามคาด แต่ที่ผิดคาดคือพรรคภารติยะ ชนะตะ หรือ BJP ของเขา กลับรักษาที่นั่งในสภาไว้ได้เพียง 240 ที่นั่ง ซึ่งไม่ถึง 272 ที่จะเป็นเสียงข้างมากในสภา ทำให้ต้องจับมือกับพันธมิตรที่รวมที่นั่งได้ทั้งสิ้น 292 ที่นั่ง ซึ่งสูญเสียแม้กระทั่งฐานที่มั่นสำคัญของพรรค BJP เองด้วย

 

และแม้จะยังสามารถครองตำแหน่งสมัยที่ 3 ไว้ต่อได้ แต่การสูญเสียที่นั่งในสภาเช่นนี้ อาจหมายถึง ‘กระแส’ ที่ไม่ใครดีนักสำหรับตัว ‘โมดี’ เอง เพราะเคยประกาศเอาไว้ตั้งแต่ต้นปีว่า BJP จะสามารถคว้าชัยแบบถล่มทลายได้ถึง 400 ที่นั่งในศึกเลือกตั้งปีนี้

 

ผลการเลือกตั้งนี้ ทำให้ตลาดหุ้นของอินเดียยร่วงลงทันทีในวันอังคาร เนื่องจากเหล่านักลงทุน ต่างนิยมชมชอบในนโยบายด้านเศรษฐกิจของโมดี ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายที่สำคัญที่สุดที่เขาเคยประกาศไว้ นั่นคือ การเปลี่ยนโฉมอินเดีย ให้เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ภายในปี 2047

 

ท่ามกลางคำถามว่า ‘โมดี’ จะสามารถผลักดันการปฏิรูปเศรษฐกิจเชิงรุกได้มากขึ้นได้หรือไม่?

◾️◾️◾️

🔴 พระเจ้าส่งมา

ชาวอินเดียยกว่า 640 ล้านคนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งตามคูหาต่าง ๆ ทั่วประเทศ ตั้งแต่ 19 เมษายน–1 มิถุนายน ที่ผ่านมา 

 

ผู้สนับสนุนหลายล้านคนในประเทศฮินดูแห่งนี้ ‘โมดี’ ในวัย 73 ปี นับเป็น ‘บุคคลสำคัญ’ ที่รังสรรค์นโยบายที่ช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตคนธรรมดา และจุดประกายการเคลื่อนไหวทางสังคม ในประเทศที่ยังเต็มไปด้วยการแบ่งแยกชนชั้นแห่งนี้

 

‘ราชโกพาล คาชยับ’ เจ้าหน้าที่พรรค BJP บอกว่า “ไม่มีใครทำได้อย่างที่นายกรัฐมนตรีทำ เขามาในฐานะ ‘ตัวแทนแห่งพระเจ้า’ เขาจะนำพาประเทศเราเดินไปข้างหน้า และเป็นเพียงคนเดียวที่ทำได้”

 

ทศวรรษที่ผ่านมา คณะทำงานของเขาได้ยกระดับการคมนาคมที่ทึนทึกให้ดีขึ้น, สร้างถนนทางหลวงเชื่อมหมู่บ้านเล็ก ๆ เข้ากับเมืองใหญ่ อีกทั้งยังพัฒนาด้านพลังงานด้วยการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ ๆ และโครงการทางทะเลอีกมหาศาล และที่สำคัญโมดีกล่าวปราศรัยว่า ได้สร้างบ้านคอนกรีตราว 40 ล้านหลังให้กับครอบครัวที่ยากจน

◾️◾️◾️

🔴 มีคนรัก ย่อมมีคนชัง

แต่แม้จะได้รับความนิยมล้นหลาม จนได้ไปต่ออีกสมัย แต่ตลอดระยะเวลากรดำรงตำแหน่งที่ผ่านมาของโมดีก็เต็มไปด้วยเรื่องโต้เถียงอยู่มาก

โมดีเจอกับกระแสวิจารย์เป็นวงกว้าง ในช่วงต้นของการดำรงตำแหน่ง เมื่อเขาประกาศแบนธนบัตร 500 และ 1,000 รูปี โดยชี้ว่า ‘กระดาษที่ไร้ค่า’ สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วในประเทศที่ยังใช้ ‘เงินสด’ ในเวลานั้น

 

และในปี 2019 เขาก็ต้องเผชิญกับแรงโกรธแค้นจากเหล่าชาวไร่ชาวนา เมื่อพวกเขาลงประท้วงบนนถนน เรียกร้องให้รับประกันราคาผลผลิต และกลายมาเป็นการประท้วงที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่อินเดียเคยเผชิญ และอีก 2 ปีถัดมา โมดีก็ถูกวิจารณ์หนัก เรื่องมาตรการรับมือการระบาดของโควิด-19 ที่เลวร้าย คร่าชีวิตผู้คนมากกว่าครึ่งล้านคน

 

เรื่องการข่มเหงทางศาสนา และการเกลียดกลัวอิสลาม ก็กลายเป็นอีกชนักของผู้นำคนนี้ เขาถูกกล่าวหาว่า โมดีสนับสนุนลัทธิแบ่งแยกนิกาย เพื่อหวังได้รับคะแนนเสียงจากฝ่ายชาตินิยมฮินดูที่นักวิจารณ์ระบุว่า โมดีทำให้อินเดียห่างไกลออกไปจาก ‘รากเหง้า’ ทางรัฐธรรมนูญ และเปลี่ยนอินเดียให้เป็น ‘รัฐฮินดู’ ซึ่งจะยิ่งเป็นการสะกิดแผล เรื่องความรุนแรงทางศาสนาในคุกรุ่นขึ้น

 

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม โมดีจะปกครองอินเดียต่อไปอีก 5 ปี และชัยชนะ (ที่พ่ายแพ้) ของเขาครั้งนี้ ก็จะยังถูกจับจ้องจากทั้งสหรัฐฯ จีน และรัสเซียต่อไป

 

ที่ผ่านมา อินเดียพยายามจะปลูกฝังความเป็นหุ้นส่วนที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับสหรัฐฯ ที่มองว่าอินเดียเป็น ‘ตัวกัน’ จีนที่ดี แต่ในขณะเดียวกัน อินเดียก็รักษาจุดยืนความเป็นอิสระทางยุทธศาสตร์ของต้น ด้วยการปฏิเสธการร่วมประณามรัสเซียกับเหล่าชาติตะวันตก

 

นักวิเคราะห์ยังไม่มองว่า การที่โมดีจะอยู่ในตำแหน่งต่อไปอีกสมัย จะสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันอยย่างไร  แต่ที่น่าจับตาคือ ความพยายามของโมดี ที่จะสร้างอินเดียให้เป็นศูนย์กลางในการลงทุนจากต่างประเทศให้ได้ ในขณะที่เศรษฐกิจของจีนกำลังอยู่ในช่วงชะลอตัวนั้น จะมีผลมากน้อยเพียงใด 

————

เรียบเรียง: ภัทร จินตนะกุล

ภาพ: Getty Images