พลเมืองกว่า 3 แสนคนอพยพจากเมืองราฟาห์ หนีการปะทะอิสราเอล-ฮามาส

องค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น ออกมาระบุว่า ชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 3 แสนคน ได้หลบหนีออกจากเมืองราฟาห์ ที่อยู่ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา ท่ามกลางสถานการณ์ที่กองกำลังป้องกันตนเองอิสราเอล (IDF) ยกระดับการบุกเมืองราฟาห์ และเกิดการปะทะกันกับสมาชิกกลุ่มติดอาวุธฮามาสที่นั่น ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซา นับตั้งแต่ที่เกิดสงครามอิสราเอล-ฮามาส ทะลุ 35,000 รายแล้ว และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 78,755 คน

ขณะที่ทหารอิสราเอลก็ถูกส่งกลับไปยังพื้นที่ตอนเหนือของฉนวนกาซาแล้ว โดยมีการส่งกองกำลังภาคพื้นดินเข้าไปโจมตีในพื้นที่ หลังจากที่ใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ขึ้นในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งมีผู้พบเห็นว่ามีรถถังอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย รวมถึงในย่าน ซาบรา และ ไซตูน 

ขณะที่อียิปต์ ก็ประกาศเข้าร่วมกับแอฟริกาใต้ในการยื่นฟ้องอิสราเอลกรณีก่อเหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ไอซีเจ (ICJ) โดยก่อนหน้านี้ อียิปต์ได้ส่งสารเตือนอิสราเอลคัดค้านปฏิบัติการภาคพื้นดินในเมืองราฟาห์ ที่มีชายแดนติดกับอียิปต์ ขณะเดียวกัน อียิปต์ก็เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติใช้อำนาจบังคับให้เกิดการหยุดยิงทันที

ขณะที่สหรัฐฯ ที่เป็นอีกหนึ่งประเทศที่พยายามจะช่วยให้ข้อตกลงหยุดยิงบรรลุผล ออกมาแสดงความเห็นว่า การเจรจาระหว่างอิสราเอลและฮามาส ควรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการหยุดยิง แทนที่จะเป็นอำนาจของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อิสราเอลปฏิเสธข้อตกลงหยุดยิงกับฮามาส ที่มีอียิปต์และกาตาร์ ทำหน้าที่เป็นคนกลางในการเจรจา พร้อมกับระบุว่า พวกเขาจะส่งทหารเข้าไปในราฟาห์เพื่อกวาดล้างสมาชิกกลุ่มติดอาวุธฮามาส

—————

ภาพ: Reuters