เตือนประชากรทั่วกาซา เผชิญความไร้เสถียรภาพทางอาหารขั้นเฉียบพลันรุนแรง

แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวถึงสถานการณ์วิกฤตด้านมนุษยธรรมล่าสุดในฉนวนกาซาว่า เป็นครั้งแรกที่ประชากรทั้งร้อยละ 100 กว่า 2 ล้านคนทั่วทั้งฉนวนกาซา กำลังเผชิญกับความไร้เสถียรภาพทางอาหารขั้นเฉียบพลันรุนแรง และประชากรกาซาทั้งหมดกำลังต้องการความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม

บลิงเคนเรียกร้องอิสราเอลจัดลำดับความสำคัญช่วยเหลือคนที่จำเป็นมากที่สุดก่อน ขณะเดียวกัน เขาเรียกร้องฮามาสให้ยอมวางอาวุธด้วย

บลิงเคนกำลังเตรียมเดินทางเยือนตะวันออกกลางเป็นครั้งที่ 6 ในรอบกว่า 5 เดือน นับตั้งแต่เกิดสงครามกาซาตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมปีที่แล้วเป็นต้นมา จุดประสงค์เพื่อผลักดันการหยุดยิงครั้งใหม่ ที่ยังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร หลังเจรจาต่อเนื่องมานานหลายสัปดาห์

ด้านหน่วยงานบรรเทาทุกข์หลายหน่วยของสหประชาชาติเตือนว่า กาซาเหนือจะเกิดวิกฤตอดอยากภายในเดือนพฤษภาคมนี้ ถ้าหากยังไม่หยุดสู้รบและไม่เพิ่มความช่วยเหลือเข้ากาซา

ส่วนการเจรจาหยุดยิงรอบใหม่ที่กาตาร์ ทีมเจรจาอิสราเอลเริ่มเจรจาที่กาตาร์วานนี้ (19 มีนาคม) ในความพยายามครั้งใหม่ที่จะบรรลุข้อตกลงหยุดยิงกับฮามาส เพื่อพักการสู้รบ ปล่อยตัวประกัน และเพิ่มความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมเข้าสู่กาซา

เกี่ยวกับประเด็นการบุกราฟาห์ภาคพื้นดิน นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล เปิดเผยว่า เขาได้กล่าวอย่างชัดเจนมากที่สุดต่อประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ระหว่างหารือทางโทรศัพท์เมื่อวันจันทร์ (18 มีนาคม) ว่า เพื่อทำลายฮามาสในเมืองราฟาห์ เขาจำเป็นต้องส่งทหารอิสราเอลบุกภาคพื้นดิน และอิสราเอลได้ตัดสินใจแล้ว ที่จะจบการกำจัดฮามาสอย่างสมบูรณ์ในราฟาห์ ไม่มีวิธีอื่นนอกจากต้องบุกภาคพื้นดินเท่านั้น

ทั้งนี้ อิสราเอลกำลังถูกสหรัฐฯ และนานาชาติกดดันให้คิดทบทวนใหม่เกี่ยวกับแผนการบุกราฟาห์ ซึ่งเป็นเมืองสุดท้ายใต้สุดของฉนวนกาซา และมีประชากรราว 1.5 ล้านคนแออัดอยู่ในเมืองนี้

อิตาลีเป็นชาติล่าสุดที่ออกมาคัดค้านการบุกราฟาห์ นายกรัฐมนตรี จอร์เจีย เมโลนี ของอิตาลี แถลงวานนี้ (19 มีนาคม) ว่า อิตาลีคัดค้านการบุกราฟาห์ภาคพื้นดิน ส่วนขณะนี้ การเปิดเส้นทางบกใหม่กับการเปิดระเบียงความช่่วยเหลือทางทะเลจากไซปรัสถึงฉนวนกาซา เป็นสิ่งสำคัญที่สุด

—————

ภาพ: Reuters