หุ้นไทยเสี่ยงปรับฐาน ! ผวาโควิดยื้อลากยาว

นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าระหว่าง 2-6  ส.ค. ประ เมินว่าผันผวนในทิศทางขาลง คาดแกว่งในกรอบ 1,510- 1,565 จุด ประเมินโอกาสการปรับขึ้นคาดยังจำกัด   เพราะหากพิจารณาจากปัจจัยแวดล้อมแล้วยังไม่สดใส โดยยังถูกกดดันจาก

1. สถานการณ์ Covid-19 ในประเทศที่รุนแรง  ผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังทำ All time high  หากอิง กระทรวงสาธารณะสุข คาดแนวโน้มผู้ติดเชื้อใหม่คาดจะเจอจุดสูงสุด (Peak) ก็ราว  ต.ค. – พ.ย. 64 ทำให้การ Lockdown ยืดเยื้อมากกว่าก่อนหน้าที่คาด เปิด Downside ของประมาณการ GDP Growth เติบโตต่ำกว่า 1% ในปีนี้ คาดกำไรบริษัทจดทะเบียนก็มีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงเช่นกัน

2. Fund Flow  โดยปัจจุบันนับตั้งแต่ต้นปี ต่างชาติขายสุทธิ รวมกันราว 9.3 หมื่นล้านบาท  และทั้งเดือน ก.ค. ขายสุทธิรวม 1.7 หมื่นล้านบาท  เชื่อว่ายังมีโอกาสไหลออกต่อ  ความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนผู้ติดเชื้อCovid-19 ใหม่ในไทยกับทิศทาง Fund Flow พบว่าทุกครั้งที่จำนวนผู้ติดเชื้ออยู่ในแนวโน้มขึ้นจะเห็นแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติออกมา   

  

3.ประเด็นสำคัญ ๆ ต่างประเทศในสัปดาห์นี้ประกอบด้วย รายงานดัชนีเศรษฐกิจสำคัญของเดือน ก.ค. ในหลายประเทศ เช่น  PMI ของทั่วโลก  โดยช่วงต้นสัปดาห์เป็นของ จีน, ยุโรป, สหรัฐ และช่วงท้ายสัปดาห์ติดตามตลาดแรงงานของสหรัฐ ทั้ง Nonfarm payrolls คาดเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 

รวมถึงอัตราการว่างงานสหรัฐคาดยังลดลต่อเนื่องอยู่ที่ 5.7% จาก 5.9% ในเดือน พ.ค.  หากออกมาดีกว่าคาด  เชื่อว่าจะเป็นประเด็นสร้างแรงกดดันทำให้ตลาดมองว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะส่งสัญญาณลดระดับการใช้นโยบายการเงินตึง ตัว เป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นโลก  และยังต้องติดตามฝั่งจีน เห็นได้จากช่วงที่ผ่านมารัฐบาลออกมาตรการคุมเข้มธุรกิจบริษัท เทคโนโลยีมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมามีการผูกขาดหากมีมาตรการเข้มงวดมากขึ้นกว่านี้ คาดเป็น Sentiment ลบกดดันตลาดหุ้นไทย   

สำหรับในประเทศ ให้น้ำหนักการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) วันที่ 4 ส.ค.  ซึ่งตลาด และ ASPS คาดกนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาที่ 0.5% ต่อไป และน่าจะคงไปถึง 1H65 เป็นอย่างน้อย โดยรวมภาวะที่ตลาดหุ้นไทยที่ยังผัน ผวนและเผชิญกับปัญหา COVID-19  ยังแนะนำให้ถือเงินสดประมาณ  25% ขึ้นไปเพื่อหาจังหวะเข้าลงทุน  

ส่วนที่เงินที่ลงทุนในหุ้น แนะนำลงทุนในหุ้นปลอดภัย หลักๆเน้นไปที่ หุ้นปันผลสูง  โดยหุ้นปันผลสูงมักจะ Outperform ตลาดได้ ในเวลาที่ตลาดหุ้นปรับฐานแรงเสมอ  และในช่วงนี้กำลังเข้าสู่ช่วงการจ่ายปันผลระหว่างกาลพอดี  รวมถึงหุ้นที่เลือกควรต้องมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง เช่น คาดการณ์แนวโนมผลประกอบการณ์ยังดี

สำหรับหุ้นเด่นวันนี้แนะนำคือ  MCS ([email protected]) คาดกำไร 2Q64 ทำได้สูงถึง 330 ล้านบาท หนุนด้วยปริมาณส่งมอบโครงสร้างเหล็กรวม 2.25 หมื่นตัน โดยกำไร 1H64 ที่คาดว่าจะทำได้สูงถึง 564 ล้านบาท ประเมินปันผล 1H64ไว้ที่ 0.55 บาท คิดเป็น Div Yield 3.8% ทิศทางกำไรครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก ตามแผนส่งมอบงานล่าสุด จึงปรับประมาณการกำไรปีนี้ขึ้น 13% อยุ่ที่ 1.18 พันล้านบาท พร้อมทั้งประเมิน FV อิง PER (2565) 10 เท่า จะให้ราคาเหมาะสม 21 บาท มี Upside 40% และควาดหวังปันผลสูงถึง 8.90%ต่อปี 

หุ้นเด่น ตัวต่อมาคือ TVO ([email protected])  แนวโน้มกำไรปกติ 2Q64 ราว 750-800 ล้านบาท เติบโตโดดเด่น yoy จากคาดยอดขายขยายตัว 48%yoy ตามปริมาณการซื้อขายกากถั่วเหลือง รวมถึงทิศทางราคากากถั่วเหลืองในประเทศที่สูงขึ้น 38 % yoy กอปรกับประเมินน้ำมันถั่วเหลือง ขณะที่ทิศทางกำไร 2H64 ขยายตัวyoy หนุนด้วยราคาน้ำมันถั่วเหลืองที่ยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ภาพรวมคาดกำไรปกติ 2,612 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 55%yoy รอรับปันผลระ หว่างกาลราว 2.8% ถือเป็นโอกาสสะสม 

หุ้นเด่นปิดท้ายที่ ADVANC ([email protected])  คาดกำไร 2Q64 อยู่ที่ 6.92 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น4.2%q๐q จากผลบวกการต้นทุนค่าเสื่อมอุปกรณ์ 3G- 4G ที่ทยอยตัดจ่ายครบ และการควบคุมต้นทุนต่างๆบวกกับ อานิสงส์ความเป็นผู้นำธุรกิจมือถือ ช่วยบรรเทาผลกำลังซื้อและการเติบโตธุรกิจรอง อาทิ อินเตอร์เนตบ้าน ที่ขึ้นมาประคองรายได้ในช่วงนี้