TNN online กสิกรฯจับตาแผนเปิดประเทศ -คาดนทท.ต่างชาติเข้าไทย 2.5-6.5 แสนคน

TNN ONLINE

Wealth

กสิกรฯจับตาแผนเปิดประเทศ -คาดนทท.ต่างชาติเข้าไทย 2.5-6.5 แสนคน

กสิกรฯจับตาแผนเปิดประเทศ -คาดนทท.ต่างชาติเข้าไทย 2.5-6.5 แสนคน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้การเดินหน้าแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยระยะที่ 2 บททดสอบสำคัญ หากในพื้นที่ไม่พบความเสี่ยงการระบาดของโควิด จะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจไทย คาดมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา 2.5-6.5 แสนคนในปีนี้

วันนี้ ( 1 ก.ค.64)  ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากรณี เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 64 ที่ผ่านมา ทางเว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ "มาตรการรองรับการเปิดประเทศ" โดยมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ก.ค. 64 ทั้งนี้ จากความร่วมมือของทุกฝ่ายทำให้แผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติระยะที่ 2 สามารถขับเคลื่อนได้ในวันที่ 1 ก.ค. 64 นี้ โดยจังหวัดท่องเที่ยวนำร่อง ได้แก่ ภูเก็ต (เริ่มวันที่ 1 ก.ค. 64) และสุราษฎร์ธานี ในพื้นที่เกาะสมุย เกาะเต่า และเกาะพะงัน (เริ่มวันที่ 15 ก.ค. 64) ซึ่งพื้นที่นำร่องดังกล่าวมีความพร้อมระดับหนึ่ง สะท้อนจากความคืบหน้าในการฉีดวัดซีนให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะภูเก็ต ที่อัตราการฉีดวัคซีนสะสมเข็มที่ 1 จนถึงวันที่ 28 มิ.ย. ครอบคลุมประมาณ 67% ของจำนวนประชากรในพื้นที่แล้ว อย่างไรก็ดี ในแต่ละจังหวัดการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติยังต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ประกาศในราชกิจจาฯ


ทั้งนี้ จากแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวระยะที่ 2 ที่มีความชัดเจนนั้น ทำให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยว อย่างธุรกิจโรงแรมและที่พักกลุ่มที่มีความพร้อมและมีมาตรฐานด้านการท่องเที่ยวและสุขอนามัย (SHA+) เริ่มทำตลาดมากขึ้น เช่นเดียวกับสายการบินนานาชาติระหว่างประเทศที่ได้เปิดเส้นทางบินตรงมาภูเก็ตตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 64 ขณะที่ในด้านความต้องการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย ก็เริ่มมีการตอบรับเพิ่มขึ้น จากการรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น พบว่า ความถี่ของการค้นหาที่พักในภูเก็ตบนเว็บไซต์ (ออนไลน์ทราเวิลเอเจ้นท์และเว็บไซต์อื่นๆ) เพิ่มขึ้น รวมถึงการจองห้องพักล่วงหน้าเริ่มมีการตอบรับจากชาวต่างชาติ แม้จะยังมีอัตราที่ต่ำและเป็นเฉพาะกลุ่มโรงแรมและที่พัก แต่ก็นับว่าดีขึ้น


โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าเป็นบททดสอบสำคัญ ซึ่งหากในภูเก็ตและสุราษฎร์ธานีสามารถควบคุมสถานการณ์โดยไม่เกิดการระบาดของโควิด-19 ได้ จะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวในพื้นที่ในระยะถัดไป โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติในไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งสายการบินนานาชาติจากยุโรปมีแผนที่จะเปิดเส้นทางการบินมายังภูเก็ตในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ขณะที่ สิ่งเหล่านี้ยังขึ้นอยู่กับความร่วมมือของภาคส่วนต่างๆ ที่คงต้องเฝ้าระวังและรักษาระดับมาตรฐานการป้องกันการระบาดของโควิดที่เข้มงวด


นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า หน่วยงานท่องเที่ยวควรมีการตั้งเว็บไซต์ท่องเที่ยวเฉพาะเพื่อเป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว โดยเฉพาะเงื่อนไขและข้อปฏิบัติของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทย ให้เข้าถึงข้อมูลที่ชัดเจนและทันสถานการณ์ การจัดทำข้อมูลสถานการณ์การฉีดวัคซีนในประเทศเป็นรายจังหวัดบนเว็บไซต์ท่องเที่ยว เช่น ข้อมูลอัตราการฉีดวัคซีนเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของประชากรในพื้นที่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเลือกเดินทางท่องเที่ยวไปยังพื้นที่ต่างๆ ในประเทศ 


สำหรับทิศทางนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 กับการเปิดประเทศตามเป้าหมาย 120 วัน ยังขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในประเทศ และการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในประเทศ  โดยการที่ทางการไทยได้ตั้งเป้าหมายก้าวต่อไปที่จะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติใน 120 วัน (ประมาณต้นไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นของฤดูกาลท่องเที่ยว) เป็นแนวทางที่ดี เพื่อให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ อย่างไรก็ดี แม้ทางการเตรียมที่จะเร่งฉีดวัคซีนให้กับคนในประเทศและพื้นที่ท่องเที่ยวอย่างครอบคลุมให้ได้มากที่สุด เพื่อให้สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยตามแผนที่วางไว้ แต่เนื่องจากตามแผนการจัดหาวัคซีนที่จะทยอยมาในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ประกอบกับการระบาดของโควิด-19 ที่เร่งตัวขึ้นในหลายพื้นที่ อาจมีผลต่อแผนการฉีดวัคซีนเดิมที่วางไว้ที่คงต้องปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์


 โดยนอกจากภูเก็ต เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า ที่เปิดได้ในวันที่ 1 และ 15 ก.ค. 64 แล้ว ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า แม้การฉีดวัคซีนสะสมในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล น่าจะมีความเป็นไปได้ที่จะครอบคลุมและเปิดการท่องเที่ยวได้ในไตรมาส 4 แต่ก็ยังมีความท้าทายที่จะต้องควบคุมให้โควิดคลี่คลายลงให้ได้โดยเร็วที่สุด สำหรับจังหวัดนำร่องอื่น เช่น ตรัง พังงา ชลบุรี เชียงใหม่ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และบุรีรัมย์นั้น ในบางจังหวัดยังมีความไม่แน่นอนและอาจยังต้องใช้เวลาสำหรับการฉีดวัคซีนสะสมเข็มแรกให้ครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่ในพื้นที่หรือเข้าหา 70% ตลอดจนจำเป็นที่จะต้องเผื่อเวลาสำหรับการเตรียมการด้านต่างๆ โดยเฉพาะการประชาสัมพันธ์และการทำการตลาดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นก่อนที่จะเปิดการท่องเที่ยวด้วย 


ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ปรับลดกรอบบนของประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2564 นี้ลงเป็น 6.5 แสนคน โดยเป็นผลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะที่ยังคงกรอบล่างของประมาณการไว้ตามเดิมที่ 2.5 แสนคน ทั้งนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดและความคืบหน้าในการฉีดวัคซีน ยังคงเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญมากที่สุดต่อการดำเนินแผนการเปิดการท่องเที่ยวทั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้และต่อเนื่องไปหลังจากนั้น


     


ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง