กังวลค่าครองชีพ-หนี้ครัวเรือน ฉุดดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตฯ ก.พ. 67 ปรับตัวลดลง

ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ปรับตัวลดลง หลังประชาชนกังวลค่าครองชีพ  หนี้ครัวเรือน พร้อมเสนอรัฐเร่งตรึงราคาดีเซล-ก๊าซหุงต้ม ลดภาระค่าน้ำมัน  ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศเพิ่ม และให้กนง.ลดดอกเบี้ยนโยบาย

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 อยู่ที่ระดับ 90.0 ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจาก 90.6 ในเดือนมกราคม 2567  

มีปัจจัยลบจากความต้องการในประเทศชะลอตัวลง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพและปัญหาหนี้ครัวเรือน ส่งผลให้ประชาชนระมัดระวังการใช้จ่าย ด้านการส่งออกยังคงชะลอตัว ประกอบกับบัญหาความขัดแย้งบริเวณทะเลแดง ยังคงยึดเยื้อส่งผลกระทบต่อการนำเข้า-ส่งออกของไทยโดยเฉพาะตลาดยุโรปและตะวันออกกลาง 

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังเผชิญปัญหาการแข่งขันด้านการตลาดสูงขึ้น รวมถึงได้รับผลกระทบจากสินค้าราคาถูกที่ไม่ได้มาตรฐานจากต่างประเทศ ส่งผลให้ยอดขายสินค้าของผู้ประกอบการไทยลดลง ขณะที่ต้นทุนด้านราคา  พลังงานปรับตัวสูงขึ้น 

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบวกจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากมาตรการยกเว้นวีซ่าฟรี ให้กับนักท่องเที่ยวจีน คาชัคสถาน อินเดียและไต้หวัน รวมถึงมาตรการ Easy E-Receipt ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ และมาตรการตรึงราคา นํ้ามันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 67-31 มีนาคม 67   

ขณะที่ดัชนีฯคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 100.0 ปรับตัวเพิ่มขึ้น จาก 98.4 ในเดือนมกราคม 2567 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการรัฐที่ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว และการใช้จ่ายภาครัฐที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 2 ปี 2567 หลังจากพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่าย ประจ๋าปีงบประมาณ 2567 ได้รับอนุมัติ 

ส่วนข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ  มีดังนี้ 

1. ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นใช้จ่ายและการบริโภคในประเทศ โดยเฉพาะมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว  

2. เสนอให้ภาครัฐต่ออายุมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร และตรึงราคาก๊าซหุงต้มที่ราคา 423 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคม 67  

3. สนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มสัดส่วนการจัดซื้อจัดจ้างผู้ประกอบการ SMEs ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของงบประมาณจัดซื้อจัดจ้าง 

4. อยากให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ลดดอกเบี้ยนโนบายลงเร่งด่วน

ภาพจาก AFP