TNN online 5 เกณฑ์ เลือก ETF แบบไหนที่เข้าตา

TNN ONLINE

Wealth

5 เกณฑ์ เลือก ETF แบบไหนที่เข้าตา

5 เกณฑ์ เลือก ETF แบบไหนที่เข้าตา

ETF หรือ Exchange Traded Funds เป็น กองทุนที่มีนโยบายลงทุนตามดัชนีต่างๆ เพื่อสร้างผลตอบเเทนใกล้เคียงการเคลื่อนไหวของดัชนีที่อ้างอิงมากที่สุดและสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนในตลาดได้เหมือนหุ้น

ปัญหาโลกแตกที่หลายคนต้องคิดกันในแต่ละวัน เที่ยงแล้ว กินอะไรดี? และหลายครั้งคำตอบที่ได้รับจากเพื่อนคือ ‘อะไรก็ได้’ ซึ่งแน่นอนว่า อาจจะทำให้คุณไปไม่ถูกอยู่ดี


น่าแปลกนะครับ ที่คำถามง่ายๆ แท้ๆ แต่ทำไมเรากลับไม่เคยตอบกันได้ง่ายๆ เลย ที่น่าแปลกกว่าคือ ทำไมเรามักไม่ค่อยใส่ใจอาหารการกินที่จะเข้าไปอยู่ในร่างกายเรา
ช่วยเพิ่มพลังงานและเสริมสร้างเซลของเราที่เสื่อมไปทุกวัน ทั้งที่ร่างกายเราไม่ได้ต้องการ‘อะไรก็ได้’ จริงไหมครับ


เช่นเดียวกับเรื่องของการลงทุนที่ทุกการตัดสินใจต้องแลกมาด้วยความเสี่ยง แม้คุณจะบอกว่าไม่เป็นไร คุณไม่ลงทุนก็ได้ ผมก็จะขอบอกเลยว่า เป็นข้อเท็จจริงว่าในทุกการลงทุนมีความเสี่ยง แต่การไม่ลงทุนเลยเสี่ยงกว่า ดังนั้นไม่ว่าจะมื้ออาหารหรือการลงทุน ล้วนเป็นหนึ่งเรื่องใหญ่ที่เราทุกคนจะต้องหาคำตอบให้ได้ดีที่สุด ให้เหมาะกับความเสี่ยงของแต่ละบุคคลเอง เพื่อที่ว่าเราอยู่กับร่างกายที่แข็งแรงไปนานๆ และลงทุนให้เงินทำงานได้อย่างเต็มที่และสบายใจ ในโลกของการเงินการลงทุนมันมีความซับซ้อนไม่แพ้ร่างกายมนุษย์เลยครับ


คุณอาจจะบอกว่าไม่รู้จะเลือกหุ้นตัวไหน หรือกองทุนไหนดี ในตลาดมีคนพดถึงหุ้นกันมาไม่น้อยแล้ว วันนี้ผมอยากจะมาพูดถึง ETF หรือ Exchange Traded Funds เป็น กองทุนที่มีนโยบายลงทุนตามดัชนีต่างๆ เพื่อสร้างผลตอบเเทนใกล้เคียงการเคลื่อนไหวของดัชนีที่อ้างอิงมากที่สุดและสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนในตลาดได้เหมือนหุ้นครับ


ตามข้อมูลของ Statista ปี 2022 ระบุว่ามี ETF กว่า 8,724 กองทุนทั่วโลก ฟังแล้วคุณคงเกิดคำถามในใจว่าถ้าเราอยากจะเลือก ETF สักตัวเข้ามาในพอร์ต เราต้องเลือกอย่างไรให้ได้ ETF ที่ถูกจริตและตรงใจ ที่สำคัญคือทำผลตอบแทนได้ในแบบที่เราต้องการด้วย ซึ่งมันก็คงจะดีไม่น้อยใช่ไหมครับ ถ้าเรามีเกณฑ์ หรือเช็กลิสต์เอาไว้ให้ยึด ก่อนจะเลือกจิ้มเข้าพอร์ตสักตัว อย่าเพิ่งท้อใจไปครับ การคัดเลือก ETF มันมีเกณฑ์ที่คุณสามารถเอาไปใช้คัดสรร ETF ให้ตรงใจแล้ว ก็ยังสามารถเอาไปดัดแปลงใช้กับประเภทการลงทุนอื่นๆ ได้ด้วยตามผมมาเลยครับ


5 เกณฑ์ เลือก ETF แบบไหนที่เข้าตา
1. ดัชนีถูกต้อง นโยบายถูกใจ ก่อนคุณจะตัดสินใจลงทุน ต้องอ่านนโยบายของ ETF กองนั้นๆ ให้ละเอียดครับ อย่างที่บอกไว้ครับว่า ETF คือ กองทุนที่มีนโยบายลงทุนตามดัชนีต่างๆ เพื่อสร้างผลตอบเเทนใกล้เคียงการเคลื่อนไหวของดัชนีที่อ้างอิงมากที่สุด และสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนในตลาดได้เหมือนหุ้น ซึ่งโลกใบนี้มีดัชนีอ้างอิง เยอะแยะมากมายครับ เราอาจจะเริ่มจากกลุ่มประเทศที่สนใจก่อน จากนั้นจึงค่อยแยกย่อยลงไปในแต่ละดัชนี หรือจะเจาะจงไปที่อุตสาหกรรมก็ได้ครับ มีดัชนีที่อ้างอิงเช่นกัน และไม่ใช่แค่หุ้นนะครับ ยังมีดัชนีที่อ้างอิงในกลุ่มของพันธบัตรหรือหุ้นกู้อีกด้วย เมื่อเราได้ดัชนีที่เราสนใจแล้ว อาจจะค่อยมาดูครับว่า ดัชนีเหล่านั้น มีความเสี่ยง มากหรือน้อยแค่ไหน เรายอมรับได้รึเปล่า หรือมีการเติบโตในแบบที่เราพอใจหรือไม่ นอกจากดูดัชนีอ้างอิงแล้ว ก็มาดูต่อครับว่า ETF กองนั้นลงทุนอะไรบ้าง มีนโยบายลงทุนอย่างไรเพราะมี ETF หลายตัว หลายบริษัท ที่ใช้ดัชนีอ้างอิงเดียวกัน  ถ้าไม่ดูให้ละเอียด เราอาจจะลงทุนซ้ำซ้อนกันได้ครับ


2. ผลงานจะต้องดี คำว่า ผลงานดี ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการทำผลตอบแทนได้เยอะๆ แต่เป็นการทำผลตอบแทนได้ใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงมากที่สุดต่างหากครับ ต้องไม่ลืมว่า ETF ถูกสร้างมาเพื่อทำผลตอบแทนล้อไปตามดัชนีอ้างอิง นักลงทุนจึงคาดหวังผลตอบแทนตามดัชนีอ้างอิงที่เลือก ผลงานจะดีหรือไม่ สามารถดูได้จากค่า Tracking Error ถ้าสูงเกินไป ก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนผิดเพี้ยนไปจากที่ควรจะเป็น ทำให้ ETF ตัวนั้นทำผลตอบแทนได้ไม่เท่า หรือใกล้เคียงกับดัชนี แสดงว่า ETF นั้นมีผลงานที่ไม่ดีครับ 


3. จะต้องเป็นที่นิยม เมื่อเป็นที่นิยมก็จะมีสภาพคล่องสูงครับ หมายความว่า ถ้าวันนึงคุณไม่ต้องการ ก็ยังคงมีคนอื่นที่สนใจ ซึ่งดูได้ง่ายๆ จากจำนวน AUM (Asset Under Management) ครับ ยิ่ง AUM สูงยิ่งแสดงให้เห็นว่า ETF ตัวนั้นมีคนเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก นอกจากจำนวน AUM แล้ว ปริมาณการซื้อขายต่อวันที่สูง และช่องว่างระหว่างราคาเสนอซื้อกับเสนอขายที่ต่ำ ก็สามารถสะท้อนให้เห็นได้ครับว่า ETF ตัวนั้นเป็นที่ต้องการมากแค่ไหน การที่ ETF ที่คุณถืออยู่ เป็นที่นิยม ก็จะทำให้คุณบริหารจัดการพอร์ตได้ง่ายขึ้นมากครับ เมื่อมีความจำเป็นในการปรับพอร์ตหรือกลยุทธ์ลงทุน ก็สามารถขายได้ทันที ไม่ต้องมาลดราคาเพื่อรอขายให้มีคนต้องการ


4. มีประสบการณ์ ETF ตัวนั้นมีอายุเท่าไหร่ เปิดตัวมานานแค่ไหน และผลการดำเนินงานที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง เพราะแม้ผลตอบแทนในอดีตจะไม่สามารถการันตีผลตอบแทนในอนาคตได้ แต่ก็สามารถดูได้ว่า ETF กองนั้นบริหารเป็นอย่างไรครับ ยิ่งเปิดตัวมานาน ก็จะได้เห็นว่าผ่านช่วงวิกฤตเศรษฐกิจมาแบบไหน ผลตอบแทนในช่วงนั้นเป็นอย่างไร เราก็สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้ละเอียดขึ้นด้วย โดย ETF แรกที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ นั่นก็คือ SPY ซึ่งจดทะเบียนตั้งแต่เมื่อปี 2536 ปัจจุบันยังคงเป็นที่นิยม และมี AUM สูงที่สุดในโลก 


5. ค่าใช้จ่ายและธรรมเนียมเป็นธรรม เมื่อคุณนำเงินมาลงทุน ก็ต้องคาดหวังที่จะได้ผลตอบแทนแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่หาก ETF ที่ลงทุนอยู่นั้น มีค่าใช้จ่าย และค่าธรรมเนียมที่สูงเกินความจำเป็น ก็จะทำให้ผลตอบแทนที่ควรได้ ลด ลงโดยปกติแล้ว ETF จะเป็นการลงทุนแบบ Passive fund ที่เน้นทำผลตอบแทนล้อไปตามดัชนีตลาด ค่าธรรมเนียมก็จะต่ำกว่าการลงทุนแบบ Active fund ที่พยายามเอาชนะตลาดอยู่แล้ว ซึ่งค่าใช้จ่ายของ ETF แต่ละตัวจะถูกรวมอยู่ใน อัตราค่าใช้จ่ายรวม (Expense Ratio) ครับ แต่นอกเหนือจาก ตัว Expense Ratio แล้ว คุณก็ต้องไม่ลืมที่จะคำนึงถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย ที่จะถูกคิดโดย Broker ที่คุณเลือก


ถ้า ETF ในใจคุณผ่าน 5 เกณฑ์นี้ โหวตเข้ารอบแรกมาได้ ก็ถือว่าคุณได้ตัวเลือกที่มีคุณสมบัติที่ควรมีแล้วครับ ..แต่คุณอาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมเรื่องอื่นๆ ประกอบด้วย ไม่ว่าจะเป็น ราคา หรือ iNAV (Indicative Net Asset Value) ที่ช่วยประเมินมูลค่าของ ETF ตัวนั้นๆ ด้วย รวมถึงประเด็นความเหมาะสมอื่นๆ ว่าจะตรงใจ ตรงตามความต้องการ หรือกลยุทธ์การลงทุนของคุณมากแค่ไหน หลักเกณฑ์ทั้ง 5 ข้อนี้ ทาง Jitta Wealth เองที่มี ETF ให้คุณๆ ได้เลือกลงทุนมากมาย 

หากคุณสนใจเรื่องราวการลงทุนแบบเน้นคุณค่าสามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้ที่ passiveway.com ขอให้ลงทุนกันอย่างมีความสุขทุกท่านนะครับ

ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ 
CEO Jitta Wealth


ติดตามข่าวหุ้นและการลงทุนทางไลน์
• Line @TNNWEALTH : https://bit.ly/3tCKmiD
———————————————————————
ติดตาม TNN Wealth ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่ 
• Youtube : https://bit.ly/TNNWealthYoutube
• TikTok : https://bit.ly/TNNWealthTikTok

หรือดูรายการ Live ได้ทาง https://bit.ly/3HmUu4O







ข่าวแนะนำ