ไม่ไปต่อ! "ปิดฉากลดภาษีน้ำมัน" คลังรายได้ฟื้นหมื่นล้าน

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การลดภาษีน้ำมันดีเซล ส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตหายไปเดือนละ 10,000 ล้านบาท ซึ่งตั้งแต่ออกมาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซลตั้งแต่ปีที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 20 เดือนก.ค.66 นี้ สูญรายได้นวมแล้วกว่า 1.2 แสนล้านบาท 

อย่างไรก็ตามคาดว่ารายได้ส่วนนี้จะกลับมาหลังสิ้นสุดมาตรการเดือนก.ค.นี้ และประชาชนไม่ต้องกังวลเรื่องราคาน้ำมัน เนื่องจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบให้มีการตรึงราคาน้ำมันไม่เกิน 32 บาทต่อลิตร โดยใช้กลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงดูแล แทนการใช้กลไกการลดภาษีน้ำมันดีเซลของกรมสรรพสามิต 

ที่ผ่านมากองทุนน้ำมันเคยติดลบแสนกว่าล้านบาท ตอนนี้ลดลงมาเหลือประมาณ 50,000 ล้านบาท ประกอบกับได้มีพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ผ่อนผันให้กระทรวงการคลังค้ำประกันการชำระหนี้ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 วงเงิน 150,000 ล้านบาท ซึ่งยังมีวงเงินเหลือที่จะนำมาใช้ดูแลได้ โดยได้หารือกับปลัดกระทรวงพลังงานแล้ว ความสามารถในการดูแลราคาน้ำมันดีเซลของกองทุน สามารถพยุงได้ถึงสิ้นปี 66 

ด้านนายเกรียงไกร พัฒนาภรณ์ รองอธิบดีกรมสรรพสามิต ในฐานะโฆษกกรมสรรพสามิต กล่าวว่า หลังจากสิ้นสุดมาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซล วันที่ 20 ก.ค.66 นี้ กรมสรรพสามิตสามารถเก็บภาษีน้ำมันดีเซลได้ตามอัตราปกติแล้ว คาดว่าจะส่งผลให้กรมจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นมาเดือนละ 10,000 ล้านบาท ดังนั้น เมื่อประเมินการจัดเก็บรายได้ช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ 2566 นี้ กรมคาดว่าเมื่อรวมกับการจัดเก็บภาษีน้ำมันที่สามารถทำได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้ส จะทำให้การจัดเก็บรายได้ในปีนี้ ทำได้ประมาณ 4.6 แสนล้านบาท ใกล้เคียงเป้าหมายตามเอกสารงบประมาณปี 66 ที่กำหนดไว้ 5.67 แสนล้านบาท 

สำหรับการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2566 กรมสรรพสามิตเก็บรายได้ได้ 3.5 แสนล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการที่วางไว้ 75,000 ล้านบาท แบ่งเป็น การจัดเก็บภาษีน้ำมัน 81,281 ล้านบาท ภาษีรถยนต์ 78,607 ล้านบาท ภาษีเบียร์ 67,630 ล้านบาท ภาษีสุรา 50,239 ล้านบาท ภาษียาสูบ 44,685 ล้านบาท และภาษีเครื่องดื่ม 19,892 ล้านบาท 

ที่มาข้อมูล : TNN ONLINE

ที่มาภาพ : TNN