ข้อตกลงธัญพืชในทะเลดำหมดอายุวันนี้ ดันราคาอาหาร และเงินเฟ้อพุ่งสูงอีกครั้งหรือไม่?

สัปดาห์นี้ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 1,940 ดอลลาร์ และ 1,930 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,967 ดอลลาร์ และแนวต้าน 1,980 ดอลลาร์

สัปดาห์ก่อนราคาทองคำดีดตัวขึ้น จากเงินดอลลาร์อ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 1 ปี ภายหลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นเหตุปัจจัยต่อการคาดการณ์ว่าเฟดใกล้จะยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น ทั้งนี้แนวโน้มที่ตัวเลขเงินเฟ้อชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่กลางปี 2565 นั้น มาจากเฟดได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและแรง เพื่อฉุดเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับเป้าหมายของเฟด แม้ว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงแล้วอย่างต่อเนื่องก็ตาม เฟดยังคงส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยได้ต่อ เนื่องจากตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง จึงมั่นใจว่าจะสามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อีก

ขณะที่เงินเฟ้อในโซนยุโรปยังอยู่ในระดับสูง และมีแนวโน้มว่าจะยังคงเป็นเช่นนั้นไปอีกยาวนาน แม้ว่าปีนี้ธนาคารกลางยุโรปจะพยายามเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นก็ตาม เงินเฟ้อในยุโรปที่สูงยังคงมีความเสี่ยงจากผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครน ประกอบกับปัจจัยล่าสุดที่อาจส่งผลให้ยุโรปมีแนวโน้มเผชิญต่อราคาอาหารสูงขึ้น จากที่ข้อตกลงธัญพืชในทะเลดำจะหมดอายุในวันนี้ และยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ที่จะดูเหมือนสัญญาณที่ดีว่าประธานาธิบดีปูตินจะต่ออายุข้อตกลงดังกล่าว จากสัปดาห์ก่อนที่ UN ได้ยื่นข้อเสนอการเชื่อมต่อธนาคารเพื่อการเกษตรของรัสเซีย (Rosselkhozbank) เข้ากับ SWIFT แก่ประธานาธิบดีรัสเซีย เพื่อให้ขยายข้อตกลงธัญพืชในทะเลดำ แต่รัสเซียยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะขยายเวลาของโครงการ Black Sea Grain Initiative และมีแนวโน้มว่าประธานาธิบดีปูตินอาจจะยังไม่ต่ออายุ เนื่องจากที่ผ่านมานั้นภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว คำขอส่งออกธัญพืชและปุ๋ยของรัสเซียไม่บรรลุผล

รัสเซียและยูเครนได้ลงนามในโครงการ Black Sea Grain Initiative ในวันที่ 22 กรกฎาคม 2565 เป็นข้อตกลงที่สหประชาชาติและตุรกีเป็นตัวกลาง ซึ่งช่วยให้เรือบรรทุกสินค้าสามารถแล่นผ่านทะเลดำได้อย่างปลอดภัยของท่าเรือโอเดสซา ชอร์โนมอร์สค์ และยูซนีย์/พิฟเดนยี โดยการขนส่งธัญพืชครั้งแรกเริ่มขึ้นในช่วงต้นเดือนสิงหาคมปี 2565 ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว เรือบรรทุกมากกว่า 1,000 ลำที่บรรทุกสินค้าเกษตรเกือบ 33 ล้านเมตริกตันจากท่าเรือยูเครน ซึ่งข้อตกลงในครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลังที่รัสเซียได้บุกโจมตียูเครน การส่งสินค้าเกษตรเหล่านั้นเกิดการหยุดชะงักเป็นเวลาเกือบ 6 เดือน ส่งผลทำให้เกิดวิกฤติขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรงไปทั่วโลก

หากว่าประธานาธิบดีปูตินไม่ต่ออายุข้อตกลงดังกล่าว จะส่งผลให้ราคาอาหาร ราคาข้าวสาลีพุ่งขึ้นสูง และอาจก่อทำให้เกิดวิกฤติอาหารอีกครั้ง ซึ่งการส่งผลิตภัณฑ์อาหารทั้งหมดที่ยูเครนส่งออกภายใต้ข้อตกลงธัญพืชนั้น 47% จะส่งออกไปยัง “ประเทศที่มีรายได้สูง” ซึ่งก็รวมถึงสเปน อิตาลี และเนเธอร์แลนด์ ส่วน 26% ส่งออกไปที่ “ประเทศที่มีรายได้ปานกลางบน” เช่น ตุรกี จีน และ 27% จะส่งออกไปที่ “ประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลาง” เช่น อียิปต์ เคนยา และซูดาน ทั้งนี้ภายใต้การทำสัญญาของข้อตกลงดังกล่าวได้ส่งผลดีต่อผู้คนทั่วโลก เพราะได้นำผลิตภัณฑ์อาหารเข้าสู่ตลาดโลกมากขึ้น และส่งผลให้ราคาในตลาดโลกลดลง

และหากราคาอาหารพุ่งสูงขึ้น อาจส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อที่มีโอกาสพุ่งสูงขึ้นเช่นกัน แม้ว่าธนาคารกลางต่าง ๆ เช่น ธนาคารกลางยุโรปจะพยายามเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงในปีนี้ เพื่อฉุดเงินเฟ้อ แต่ภาวะเศรษฐกิจในยุโรปยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วง การขึ้นดอกเบี้ยมากขึ้นในยุโรป จะยิ่งเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากขึ้น จึงคาดว่าปัจจัยดังกล่าวจะก่อให้เกิดแรงซื้อทองคำเข้ามามากกว่าในภายหลัง

แนวโน้มราคาทองคำระยะสั้นคาดปรับตัวลงเล็กน้อย ส่วนสัปดาห์นี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีการผลิตรัฐนิวยอร์กเดือนก.ค. ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย. การอนุญาตก่อสร้างบ้านเดือนมิ.ย. การเริ่มก่อสร้างบ้านเดือนมิ.ย. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีกิจกรรมการผลิตของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนก.ค. ยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย. และดัชนีชี้นำภาวะเศรษฐกิจเดือนมิ.ย. โดย conference Board นอกจากนี้ติดตามการประชุม G20