เถ้าแก่น้อย-ศรีนานาพร เปิดตัวสินค้าใหม่! รับนักท่องเที่ยวจีน

นายพิศาล ธาราพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานบริหารรายได้ บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า ในปี 2566 คาดว่าภาพรวมตลาดสาหร่ายยังเติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 เนื่องจากผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจบริโภคผลิตภัณฑ์อาหารและขนมขบเคี้ยวที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะสาหร่ายอบมีอัตราการเติบโตมากกว่าช่วงปีที่ผ่านมากว่าเท่าตัว 

นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยเชิงบวกที่สำคัญ คือ นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวไทยเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับการจะผ่อนคลายโควิดของประเทศของจีน ทำให้ภาครัฐตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นมากกว่า 30 ล้านคน โดย "เถ้าแก่น้อย" ถือเป็นแบรนด์ยอดนิยมของชาวจีนในการซื้อเป็นของฝากเป็นอย่างมาก

ปัจจัยการเติบโตมาจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่จับจ่ายซื้อผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวพร้อมรับประทานมากขึ้น ภายหลังสถานการณ์การระบาดโควิด-19 คลี่คลาย และ เถ้าแก่น้อยฯ มีอัตราการเติบโตมากกว่าภาพรวมตลาด โดยมีส่วนแบ่งตลาดสูงถึงร้อยละ 65 ของตลาดรวม 

และบริษัทเห็นถึงศักยภาพของตลาดสาหร่ายอบ ซึ่งเป็นช่องทางที่มีอัตราการเติบโตสูง หลังช่วงกลางปี 2565 ออกสินค้าในกลุ่มสาหร่ายอบต่อเนื่อง 

นายวิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทางบริษัทเห็นยอดขายในห้างย่านราชดำริ (บิ๊กซี ราชดำริ) เพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2565 ซึ่งในช่วงก่อนเกิดโควิด-19 อยู่ที่ระดับกว่า 10 ล้านบาท ขณะที่ช่วงโควิด-19 ลดลงไปเหลือ 1 หมื่นบาท แต่เดือนธันวาคม 2565 ยอดขายขึ้นมาที่ 7 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดขายจากกลุ่มนักท่องเที่ยว เวียดนาม เกาหลี และมาเลเซีย รวมทั้งน่าจะได้ปัจจัยหนุนจากนักท่องเที่ยวจีนที่เริ่มเดินทางเข้าประเทศไทยมากขึ้นด้วย

โดยบริษัท มีสัดส่วนรายได้นักท่องเที่ยวจีนร้อยละ 8 ของรายได้รวม และสินค้าของบริษัท วางจำหน่าย 3 SKUs ในทุกเที่ยวบินของแอร์เอเชีย ตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 และเตรียมออกสินค้าเบนโตะ travel pack สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะซื้อกลับประเทศวางจำหน่ายทั้งใน 7-Eleven ใน 600 สาขาที่เป็นจุดท่องเที่ยว และบนสายการบินแอร์เอเชียทุกเที่ยวบิน 

สำหรับสถิติตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2566 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. รายงานว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้าไทย ทั้งสิ้น 99,429 คน 

และตั้งแต่เดือนมกราคม – มีนาคม 2566 มีจำนวนเที่ยวบินและที่นั่ง (Seat Capacity) จากท่าอากาศยานในเมืองต่าง ๆ ของสาธารณรัฐประชาชนจีนมายังประเทศไทย รวมทั้งสิ้น 2,000 เที่ยวบิน จำนวน 445,655 ที่นั่ง 

ซึ่ง ททท. คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยในไตรมาสแรก คือ เดือนมกราคม-มีนาคม 2566 จำนวน 300,000 คน

โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเข้าประเทศไทยในช่วงแรก ประกอบด้วย นักธุรกิจ นักเรียน และกลุ่มนักท่องเที่ยวคนรุ่นใหม่ที่นิยมเดินทางด้วยตนเอง หรือ FIT เป็นหลัก ซึ่งจะมีอัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวอย่างค่อยเป็นค่อยไป 

สะท้อนสัญญาณที่ดีที่จะมีการเดินทางมาประเทศไทยอย่างต่อเนื่องตลอดปี และช่วยผลักดันจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนอยู่ที่ 5 ล้านคน ตามเป้าหมายในปี 2566 

ที่มาข้อมูล : TNN ONLINE

ที่มาภาพ : TNN