TNN online Thailand Automotive แนวโน้มปี 2566 จะเติบโตต่อแต่ไม่สูง แนะนำ AH,SAT,STANLY

TNN ONLINE

Wealth

Thailand Automotive แนวโน้มปี 2566 จะเติบโตต่อแต่ไม่สูง แนะนำ AH,SAT,STANLY

Thailand Automotive แนวโน้มปี 2566 จะเติบโตต่อแต่ไม่สูง แนะนำ AH,SAT,STANLY

ยอดผลิตรถยนต์ปี 2566 คาดจะเติบโตต่ออีก 5.5% สู่ระดับ 1.9 ล้านคัน หลังปี 2565 เติบโต 6.7% สู่ระดับ 1.8 ล้านคัน โดยยอดผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่ายในประเทศ จะได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจไทยปี 2566 ที่ประเมิน GDP จะเติบโต 3.2%

ยอดผลิตรถยนต์ปี 2566 คาดจะเติบโตต่ออีก 5.5% สู่ระดับ 1.9 ล้านคัน หลังปี  2565 เติบโต 6.7% สู่ระดับ 1.8 ล้านคัน โดยยอดผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่ายในประเทศ จะได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจไทยปี 2566 ที่ประเมิน GDP จะเติบโต 3.2% (เทียบกับปี 2565 จะโต 3.2%) และการบริโภคภาคเอกชนคาดจะเติบโต 4% ส่วนยอดผลิตรถยนต์เพื่อส่งออก คาดจะได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจโลกปี 2566 ซึ่ง IMF คาดจะเติบโต 2.7% (เทียบปี 2565 จะโต 3.2%) โดยเฉพาะตลาดส่งออกรถยนต์ของไทยคือ Emerging and Developing Asia จะโต 4.9% (เทียบปี 2565 จะโต 4.4%) 


ทั้งนี้ รัฐบาลตั้งเป้าหมายผลิตยานยนต์ไฟฟ้า 225,000 คัน หรือ 10% ของยอดผลิต ดังนั้น มาตรการของรัฐบาลจึงให้เงินอุดหนุน ลด ภาษีนาเข้า และลดภาษีสรรพสามิต จะทาให้รถยนต์ BEV ถูกลงประมาณ 2.26-2.47 แสนบาท เงื่อนไขการรับสิทธิ์นี้ ค่ายรถยนต์ผู้ผลิตต้องผลิตรถชดเชยให้เท่ากับจานวนที่นำเข้า ซึ่งค่ายรถยนต์ MG , GWM, BYD , PTT & Foxconn มีแผนจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2567 จะช่วยเพิ่มยอดขายหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์
 

บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ให้น้ำหนักกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์เท่าตลาด โดยคาดยอดผลิตรถยนต์ในปี 2566 จะเติบโตไม่สูงนัก 5% สู่ระดับ 1.9 ล้านคัน ได้แรงหนุนจากการเติบโตของการบริโภคในประเทศ และ
ตลาดหลักส่งออกรถยนต์ของไทย คือ ทวีปเอเชียและออสเตรเลีย ที่เศรษฐกิจมีการเติบโตสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้หุ้นที่ Cover คือ AH, SAT, STANLY มียอดขายที่เติบโตตามอุตสาหกรรมรถยนต์ โดย AH จะเติบโตเด่นสุด 10% เนื่องจากได้รับคาสั่งซื้อใหม่เพิ่มเติม 1,000-1,200 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 3-4% ของประมาณการยอดขายปี 2566 และ ยังมีการเปิดโชว์รูมขายรถยนต์เพิ่ม
 

ส่วน SAT และ STANLY ประเมินยอดขายจะเติบโต 5% เท่ากับ อุตสาหกรรมรถยนต์ที่เติบโตหุ้นในกลุ่มยานยนต์มีมูลค่าที่ถูกซื้อขาย P/E ในปี 2566 ต่ำ 8-9 เท่า P/BV 0.7-1.1 เท่า และมีอัตราเงินปันผลตอบแทนที่ดี 4-7% 


แนะนำ ซื้อ ใน AH (เป้าหมาย 38 บาท) SAT(เป้าหมาย 24 บาท) และ STANLY (เป้าหมาย 215 บาท) เลือก AH เป็น Top Pick เนื่องจากมีผลประกอบการที่เติบโตเด่นสุดในกลุ่ม จากที่ได้รับคำสั่งซื้อใหม่เข้ามาต่อเนื่องในปี 2566 


AH : แนวโน้มปี 2566 ผู้บริหารตั้งเป้าหมายยอดขายจะเติบโตต่ออีก 10-15% อัตรากาไรขั้นต้น10-12% และมีอัตรากาไรสูงกว่าปี 2565 โดยยอดขายจะได้แรงหนุนจากคาสั่งซื้อใหม่ ที่จะรับรู้ในปี 2566 คือ 

1.) ชิ้นส่วนให้ Vinfast คือ Thrust Panel 500-600 ล้านบาท และ Battery Shield  100 ล้านบาท 

2.) Axle Shaft สาหรับรถยนต์ฟอร์ด จะเพิ่มจาก 700 ล้านบาทในปี 2565 เป็น 1,100-1,200 ล้านบาท ในปี 2566 นอกจากนี้มีการเปิดโชว์รูมขายรถยนต์เพิ่มคือ 3Q65  Mitsubishi, Ford ในไทย และ 4Q65 Proton ที่มาเลเซีย คาดยอดขาย 29,618 ล้านบาท เติบโต 10% มีกาไรปกติ 1,539 ล้านบาท เติบโต 7%  ราคาหุ้น AH มีมูลค่าที่ถูก ซื้อขาย P/E ปี 2566 ที่ต่ำ 7.8 เท่า และ อัตราเงินปันผลตอบแทน 4.5% ประเมินราคาเป้าหมายปี 2566 เท่ากับ 38 บาท บนฐาน P/E 8.8 เท่า ให้ส่วนลดจากค่าเฉลี่ย Forward P/E 10 ปี ซึ่งเท่ากับ 9.8 เท่า จากกำไรในอดีตมีความผันผวน แนะนำ ซื้อ


SAT : แนวโน้มปี 2566 เบื้องต้นผู้บริหารประเมินยอดผลิตรถยนต์จะไม่แตกต่างจากปีนี้มากนักประมาณ 1.8 ล้านคัน ดยปี 2566 SAT จะได้รับคาสั่งซื้อใหม่เข้ามาคือ Case set ของเกียร์ 100 ล้านบาท/ปี จะรับรู้ใน 1Q66 และ เพลาแกนหน้า (Output Shaft) มูลค่า 100 ลบ/ปี (เข้า 2Q66) จะช่วยหนุนรายได้ปี 2566 เติบโต ประเมินยอดขาย 9,344 ล้านบาท เติบโต
5%YoY และมีกำไร 988 ล้านบาท เติบโต 5.5% นอกจากนี้บริษัทใหม่ STRON ซึ่ง SAT ถือหุ้น 60% ปี 2566 มีแผนจะเปิดตัวรถบัส EV และ รถสามล้อ EV ตั้งเป้าหมายเบื้องต้นจะมีสัดส่วนยอดขายประมาณ 10% จะช่วยเพิ่มอัพไซด์ต่อประมาณการราคาหุ้นมีมูลค่าที่ถูก ซื้อขาย P/E ปี 2566 ต่ำเพียง 9.3 เท่า และ P/BV 1.1 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยมีเงินสดในมือสูง 3 พันล้านบาท (33%ของมูลค่าตลาด) มีอัตราปันผลตอบแทน 7.0% ประเมินราคาเป้าหมายปี 2566 เท่ากับ 24 บาท ใกล้ ค่าเฉลี่ย10 ปี Forward P/E เท่ากับ 10.3 เท่า แนะนำ ซื้อ


STANLY : แนวโน้มปี 2567 (เม.ย. 2566 – มี.ค. 2567) าประเมินยอดขายจะเติบโตตามยอดผลิตรถยนต์ปี 2566 คือ 1.9 ล้านคัน เติบโต 5% คาดยอดขาย 14,433 ล้านบาท เติบโต
5%YoY และมีกำไร 1,570 ล้านบาท เติบโต 7.4STANLY มีฐานะการเงินแข็งแกร่งไม่มีหนี้ในขณะที่มีเงินสดสูง 6.9 พันล้านบาท (58%ของมูลค่าตลาด) หุ้นมีมูลค่าถูก ซื้อขาย P/E ปี 2567 ต่ำเพียง 9.0 เท่า (-1SD) P/BV 0.6เท่า (-1SD) และ มีเงินปันผลตอบแทนดี 4.7% คงแนะนำ ซื้อ เปลี่ยนไปใช้ราคาเป้าหมายปี  2567 (สิ้นสุด มี.ค. 2567) ได้เท่ากับ 215 บาท บนฐานค่าเฉลี่ย10 ปี Forward P/E 10.5 เท่า
(เพิ่มจากเดิม 200 บาท)


ติดตามข่าวหุ้นและการลงทุนทางไลน์

• Line @TNNWEALTH : https://bit.ly/3tCKmiD

———————————————————————

ติดตาม TNN Wealth ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่ 

• Website : https://bit.ly/TNNWealthWebsite

• Youtube : https://bit.ly/TNNWealthYoutube

• TikTok : https://bit.ly/TNNWealthTikTok

 

หรือดูรายการ Live ได้ทาง https://bit.ly/3HmUu4O

 

ข่าวแนะนำ