7 ข้อดี "เทรดทองออนไลน์" กับแนวโน้มครึ่งปีหลังยังทรงตัวสูง 3 หมื่นบาท
วายแอลจี มองครึ่งปีหลังทองในประเทศยังทรงตัวดี เหนือ 30,000 บาท รับอานิสงส์บาทอ่อน แม้ยังต้องจับตาปัจจัยเสี่ยงจากนโยบายดอกเบี้ยของเฟด พร้อมชู 7 จุดเด่นทำไมนักลงทุนเลือกเทรดทองออนไลน์มากขึ้น
วายแอลจี ประเมินภาพรวม ทองคำ ในครึ่งปีแรกผันผวน ซึ่งเป็นโอกาสเก็งกำไรตามรอบ ส่งผลให้นักลงทุนหันมาเปิดพอร์ตเทรดทองคำออนไลน์เพิ่มขึ้นถึง 60% โดยมองครึ่งปีหลังทองคำมีโอกาสเคลื่อนไหวคล้ายครึ่งปีแรก เนื่องจากมีทั้งปัจจัยบวกจากสถานการณ์ความไม่สงบรัสเซีย- ยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ และเศรษฐกิจทั่วโลกอาจชะลอตัว ส่วนปัจจัยที่ยังต้องจับตายังคงเป็นนโยบายการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ราคาทองครึ่งปีแรกแกว่งตัวผันผวนเป็นโอกาสเก็งกำไร
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ราคาทองคำเคลื่อนไหวในลักษณะแกว่งตัวผันผวน โดยมีบางจังหวะที่ราคาขึ้นไปในจุดสูงสุดบริเวณ 2,070 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จนเกือบทำ All time high ส่งผลให้ปีนี้จึงเป็นอีกปีที่นักลงทุนสามารถเก็งกำไรจากจังหวะการปรับตัวขึ้นลงของราคาทองคำอย่างเป็นอย่างดี
นักลงทุนเปิดพอร์ตซื้อขายทองคำแท่งออนไลน์มากขึ้น
นางพวรรณ์ บอกว่าจากราคาทองคำที่ผันผวนทำให้มีนักลงทุนเข้ามาเปิดพอร์ตซื้อขายทองคำแท่งออนไลน์กับ วายแอลจี มากขึ้น 60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งในครึ่งปีหลังนี้ วายแอลจีประเมินว่าจะมีนักลงทุนเข้ามาเปิดบัญชีเทรดทองออนไลน์กับวายแอลจี ผ่าน www.ylgopenacc.com/ เพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรก เนื่องจากวายแอลจีเป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียวในประเทศไทยที่ไม่ต้องเดินทางไปถึงหน้าร้านก็สามารถเปิดบัญชีซื้อขายทองได้ เเบบราคาเรียลไทม์ Gold Spot 24 ชม.
7 ข้อดีของการเทรดทองออนไลน์
1. ราคาดี
2. มีที่ปรึกษาด้านการลงทุนส่วนตัว ให้ข้อมูลเเละดูเเลเเบบ Exclusive ตั้งเเต่เริ่มต้นการลงทุนในทุกขั้นตอน
3. เทรดราคาเรียลไทม์ Gold Spot ได้ตลอด 24 ชม.
4. เปิดพอร์ตช่องทางออนไลน์ได้ ไม่ต้องเดินทางมาที่บริษัท
5. บทวิเคราะห์อัปเดตรายวันจากนักวิเคราะห์มืออาชีพ
6. สามารถเลือกซื้อขายทอง หรือรับส่งทองที่บริษัท ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวก
7. มีพนักงานบริการให้คำปรึกษา
ราคาทองคำในช่วงครึ่งหลังเป็นอย่างไร
วายแอลจีประเมินภาพรวมการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงครึ่งหลังปี 2565 ว่าจะมีลักษณะแกว่งตัวคล้ายกับครึ่งปีแรก โดยยังคงมองว่าหากราคาทองคำโลกยืนเหนือบริเวณ 1,786 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ และยังมีโอกาสกลับขึ้นไปทดสอบบริเวณ 1,916 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็น High ของไตรมาส 2 ปีนี้ แม้ครึ่งปีหลังจะมีปัจจัยลบจากการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามและเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ นั่นคือ ความไม่สงบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังคงยืดเยื้อและคาดเดาสถานการณ์ได้ยาก รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกที่ หลังล่าสุดกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่า GDP ของสหรัฐจะเติบโต 2.9% ในปี 2565 ลดลงจากคาดการณ์ครั้งก่อนหน้าที่ประเมินไว้ 3.7% จากปัจจัยทั้งหมดจึงทำให้ทองคำยังคงมีโอกาสแกว่งตัวสลับขึ้นลงได้ต่อเนื่อง
ในส่วนของราคาทองคำในประเทศนั้น มองว่าจะยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ใกล้ๆหรือเหนือกว่าบริเวณ 30,000-32,000 บาทต่อบาททองคำได้ เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าตามค่าเงินในภูมิภาค แม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยได้ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่หากค่าเงินบาทจะยังคงอ่อนค่าต่อไปจากแนวโน้มเฟดขึ้นดอกเบี้ยซึ่งหนุนให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่า ประมาณ 36 บาท/ดอลลาร์ได้ อาจเป็นโอกาสให้นักลงทุนซื้อทองคำในรูปของดอลลาร์สหรัฐและขายในรูปของเงินบาทเพื่อทำกำไรจากส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนได้
แนะเก็งกำไรระยะสั้น
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนทองคำวายแอลจี แนะนำจับจังหวะการเก็งกำไรตามรอบ โดย “ระยะสั้น” ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นหาแนวต้าน 1,837-1,848 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากผ่านไปได้จะไปที่แนวต้านถัดไปที่ 1,865 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนแนวรับมองที่ 1,812 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแนวรับถัดไปที่ 1,800-1,786 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของทองคำแท่งในประเทศ มีโอกาสเคลื่อนไหวในกรอบ 29,650 – 31,000 บาทต่อบาททองคำ แต่การลงทุนทุกรูปแบบมีความเสี่ยง ควรศึกษาข้อมูลการลงทุนให้เข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุนด้วยจะดีที่สุด
ข้อมูลจาก : วายแอลจี
ภาพจาก : พีอาร์ วายแอลจี,AFP