TNN online โปแลนด์ขอสหรัฐฯ เพิ่มทหารและติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ รับมือรัสเซีย

TNN ONLINE

วิกฤตรัสเซีย-ยูเครน

โปแลนด์ขอสหรัฐฯ เพิ่มทหารและติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ รับมือรัสเซีย

โปแลนด์ขอสหรัฐฯ เพิ่มทหารและติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ รับมือรัสเซีย

สื่อรัสเซียรายงานว่า โปแลนด์ ชาติสมาชิกนาโตและเพื่อนบ้านของยูเครน ต้องการให้เพิ่มทหารสหรัฐฯตามแนวชายแดนรัสเซีย และเพิ่มกำลังทหารในยุโรป 50% และพร้อมจะเป็นที่ตั้งอาวุธนิวเคลียร์

สำนักข่าว RT ของรัสเซีย รายงานว่า ยาโรสลอว์ คาซินสกี้ รองนายกรัฐมนตรีโปแลนด์  ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ Welt am ของเยอรมนีเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (3 เมษายน) เรียกร้องให้สหรัฐฯ ขยายกำลังทหารในยุโรป และวางกำลังกองกำลังตามแนวชายแดนของรัสเซียมากขึ้น รวมถึงอาจติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ในโปแลนด์


เขาระบุว่า โปแลนด์จะยินดีหากสหรัฐฯ จะเพิ่มจำนวนทหารอเมริกันมากขึ้น ขึ้นในยุโรป จากเดิม 100,000 นาย เป็น 150,000 นายในอนาคต เนื่องจากกังวลต่อท่าทีที่ก้าวร้าวมากขึ้นของรัสเซีย


คาซินสกี ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรครัฐบาลของโปแลนด์ด้วย ระบุว่ากองกำลังของสหรัฐฯ จำนวน 75,000 นายในยุโรปควรประจำการถาวรบนปีกตะวันออกของนาโต ตามแนวชายแดนติดกับรัสเซีย ซึ่งการวางกำลังดังกล่าวจะใกล้เคียงกับกองทหารสหรัฐฯ ประมาณ 80,000 นายที่ประจำการอยู่ในยุโรปทั้งหมด ก่อนที่รัสเซียจะเปิดปฏิบัติการทางทหารในยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา


---ประจำการอาวุธนิวเคลียร์ในประเทศ---


นอกจากนี้ โปแลนด์จะเปิดให้ประจำการอาวุธนิวเคลียร์ในอาณาเขตของตนเช่นกัน คาซินสกียังบอกกับสื่อเยอรมนีว่า เยอรมนีทำตัวใกล้ชิดกับรัสเซียมากเกินไป และควรจะเต็มใจเสียผลโยชน์มหาศาลพื่อลงโทษรัสเซียที่รุกรานยูเครน


รองนายกรัฐมนตรีโปแลนด์ยังเรียกร้องให้มีมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียที่รุนแรงขึ้น เพื่อตอบสนองต่อสงครามยูเครน รวมถึงเรียกร้องให้สหภาพยุโรปทั้งหมดห้ามการค้ากับรัสเซีย และเมื่อเดือนที่แล้ว โปแลนด์ก็พยายามมอบเครื่องบินขับไล่ MiG ให้กับยูเครน โดยให้สหรัฐฯ เป็นตัวกลางในการส่งมอบเครื่องบิน


แต่เป็นแนวคิดที่สหรัฐฯ ปฏิเสธในที่สุด เพราะเกรงว่าอาจก่อให้เกิดสงครามในวงกว้างกับรัสเซีย และสหรัฐฯ อาจต้องหลีกเลี่ยงการตอบโต้จากรัสเซียโดยตรง


---นาโตกำลังปิดทางหนีรัสเซีย?---


อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว RT มองว่า เป็นเรื่องน่าแปลกที่โปแลนด์กำลังเรียกร้องให้ดำเนินการในสิ่งรัสเซีมองว่าจะเพิ่มความตึงเครียดด้านความมั่นคง เนื่องจากนาโตขยายไปทางตะวันออก หลังจากสงครามเย็นสิ้นสุดลงในปี 1991 อยู่แล้ว


ทั้งนี้ นาโตได้เพิ่มอดีตประเทศที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต และสมาชิกสนธิสัญญาวอร์ซอเข้าเป็นสมาชิกและมีการวางอาวุธในประเทศดังกล่าวใกล้กับประตูบ้านรัสเซีย


สื่อรัสเซียระบุว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการละเมิดหลักการของการรักษาความมั่นคง


ก่อนหน้านี้ อนาโตลี อันโตนอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐฯ กล่าวก่อนที่รัสเซียจะบุกยูเครนหลายวันว่า การเพิ่มยูเครนเข้าเป็นนาโตจะทำให้รัสเซีย “ไม่มีที่ว่างสำหรับจะล่าถอย”


ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า วลาดิเมียร์ เมดินสกี หัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาของรัสเซีย ที่ใหความเห็นครั้งแรกเกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพกับยูเครนระบุว่า มีความคืบหน้ามากขึ้น ในประเด็นความเป็นกลางทางทหาร และสถานะรัฐปลอดนิวเคลียร์ของยเครน ทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับ การจัดทำระบบความมั่นคงระหว่างประเทศ เพื่อเป็นหลักประกันให้กับยูเครนที่ต้องวางตัวเป็นกลาง


---การประชุมปูติน-เซเลนสกี ยังห่างไกล---


นอกจากนี้ เมดินสกีกล่าวถึงผลการเจรจากับยูเครนที่นครอิสตันบูลของตุรกี เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระบุว่า ยูเครนต้องไม่เป็นสถานที่ตั้งของฐานทัพต่างชาติ ไม่มีการอนุญาตให้ประจำการทหารต่างชาติ และยอมเป็นที่ตั้งของอาวุธโจมตีนำวิถีระยะไกล รวมถึงจะไม่เป็นสถานที่ผลิตอาวุธทำลายล้างสูง และจะต้องไม่ซ้อมรบร่วมกับประเทศใด หากไม่ได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้ค้ำประกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นรวมถึงรัสเซียด้วย


ส่วนการเจรจาแบบพบหน้าโดยตรง ระหว่างประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ที่เซเลนสกีร้องขอมาหลายครั้ง, เมดินกี ระบุว่าจะเกิดขึ้นได้ หากมีการทำข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร และมีการลงนามโดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่เพียงการเสนอแนวคิดแบบนี้


พร้อมกับย้ำว่า จุดยืนของรัสเซียในเรื่องไครเมียและภูมิภาคดอนบาสยังเหมือนเดิม นั่นคือ ต้องการให้ยูเครนยอมรับว่าคาบสมุทรไครเมียเป็นของรัสเซีย และรับรองอธิปไตยของแคว้นโดเนสก์และลูอันสก์

—————

ติดตามสถานการณ์ยูเครน-รัสเซียอย่างใกล้ชิด

https://bit.ly/TNNRussiaInvasion

—————

แปล-เรียบเรียง: ธันย์ชนก จงยศยิ่ง

ภาพ: Reuters



ข่าวที่เกี่ยวข้อง