จ่อเรียกเงินคนบนเรือ 179 ล้านบาท "แม่แตงโม" หอบหลักฐานเข้าพบศาล

วันที่ 29 มิถุนายน 2566 เวลาประมาณ 09.00 น .มีรายงานจากศาลจังหวัดนนทบุรี  ว่า แม่แตงโม หรือ แม่ภนิดา ศิรยุทธโยธิน ซึ่งเป็นโจทก์ร่วม เดินทางมาถึงศาล โดยในวันนี้มีนัดตรวจพยานหลักฐาน ในคดีการเสียชีวิตของ "แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์" ซึ่งเป็นคดีที่มีการแยกฟ้อง จำเลยที่ยังให้การปฏิเสธทั้ง 4 คน หลังคดีเดิมมีจำเลยที่ 1-2 คือ ไฮโซปอ และโรเบิร์ต ให้การรับสารภาพ และศาลมีคำพิพากษาไปแล้ว 

 

นายชัยวัฒน์ โลมากุล ที่ปรึกษาทางกฎหมายของ แม่แตงโม เผยว่า "วันนี้เดินทางมาตามนัดของศาลในการนัดตรวจความพร้อมของพยานหลักฐานในคดีที่แยกจำเลย 4 คนที่ให้การปฏิเสธมาฟ้องเป็นคดีใหม่ และจะมีการกำหนดวันนัดสืบพยาน จากเดิมศาลได้กำหนดวันนัดสืบพยานไว้ทั้งหมด 48 นัด จากพยานบุคคลจำนวน 139 ปาก และพยานเอกสารที่ได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้ 

   

แต่ล่าสุด 2 วันที่แล้ว ทีมที่ปรึกษาทางกฎหมายของคุณแม่ในฐานะโจทก์ร่วม ได้ยื่นบัญชีพยานเพิ่มเติม เป็นเอกสารทางการแพทย์ ซึ่งเป็นประเด็นใหม่ เป็นคำวินิจฉัยทางการแพทย์เกี่ยวกับพฤติกรรมของบุคคลบางคนบนเรือ ที่อาจมีส่วนเป็นสาเหตุทำให้เกิดเหตุแตงโมตกเรือ 

ซึ่งได้มีการขอให้ศาลออกหมายเรียกบุคคลจากหน่วยงานเจ้าของเอกสารมาเป็นพยานด้วย สำหรับหลักฐานใหม่ มีพลเมืองดีส่งมาให้คุณแม่ โดยคุณแม่เองก็ได้พยายามสืบเสาะค้นหาเอกสาร พยานสำคัญต่างๆ อยู่ตลอด เพราะยังติดใจ  

ส่วน ไฮโซปอ – โรเบิร์ต ตอนนี้ได้มีการยื่นขอขยายระยะเวลาการอุทธรณ์ออกไปก่อน เพราะคุณแม่มองว่า คำรับสารภาพของทั้ง 2 คน ไม่ได้ระบุรายละเอียดพฤติการณ์ จึงยังติดใจ แม่แตงโมจะใช้สิทธิ์ยืนคำร้อง เรียกจำเลยที่ 1-2 ในคดีเดิม คือ ปอและโรเบิร์ต เข้ามาไต่สวนข้อเท็จจริงในคดีใหม่ด้วย เพื่อให้ได้ความชัดเจน รวมถึงจะมีการพิจารณาทบทวนการเรียกค่าเสียหายในส่วนของจำเลยที่ 4 ของคดีใหม่ เพราะมองว่าไม่ได้เป็นบุคคลที่อยู่บนเรือ โดยอาจจะมีการยกเลิก หรือขอผ่อนผัน แต่ยังยืนยันในตัวเลข 179 ล้านบาทที่ได้เรียกไป 

   

แม่แตงโม หรือ คุณภนิดา เปิดเผยว่า ในส่วนของปอและโรเบิร์ตนั้น เมื่อตนเองได้ไปอ่านเอกสารคำรับสารภาพแล้วพบว่า ไม่มีการพูดถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการตกเรือของแตงโม มีเพียงการสารภาพว่ากระทำการโดยประมาทเท่านั้น ทำให้ตนเองยังติดใจ เพราะเชื่อว่าการที่คนหนึ่งคนจะตกจากเรือ ต้องมีสาเหตุไม่สามารถตกเองได้ ซึ่งหลังจากนี้ก็จะติดต่อไปหาทั้ง 2 คนให้มาเล่าข้อเท็จจริงให้ฟัง . .  ภาพจาก True Inside ภาพจาก True Inside

ภาพจาก True Inside