ทำไมชื่อ 'จอห์น เมเยอร์' ติดเทรนด์หลัง 'เทย์เลอร์ สวิฟต์' ปล่อยอัลบั้มใหม่?

ทำเอาชื่อของ “จอห์น เมเยอร์” (John Mayer) กลับมาฮอตครองเทรนด์ต่อเนื่องตั้งแต่ “เทย์เลอร์ สวิฟต์” (Taylor Swift) ปล่อยผลงานอัลบั้มใหม่อย่าง Midnights เพราะว่าหนึ่งในเจ็ดเพลงโบนัสของอัลบั้มนี้อย่าง Would’ve, Could’ve, Should’ve ซึ่งแปลตรงตัวคือ “น่าจะควรจะ แต่ว่าไม่ได้ทำหรือไม่ได้เกิดขึ้น” ทำให้หลายคนเชื่อว่านี่คือเรื่องราวที่ศิลปินนักร้องนักแต่งเพลงสาวคนดังเล่าถึงความรักที่ไม่สมหวังของเธอกับศิลปินรุ่นพี่รายนี้ 

เหตุผลก็เพราะเรื่องราวความรักในเพลงนี้ “เทย์เลอร์ สวิฟต์” เล่าถึงความรักของสาววัย 19 ปี กับหนุ่มรุ่นพี่ที่เป็นตัวอันตรายแถมอายุห่างจากเธอค่อนข้างมาก โดยความรักของทั้งคู่เป็นพิษเป็นภัยต่อความรู้สึกรวมถึงทำให้เธอถึงกับตั้งคำถามเกี่ยวกับศรัทธาที่เธอมี ที่สำคัญเขาช่างรักง่ายหน่ายเร็ว ทำให้เธอรู้สึกว่าเป็นคนสำคัญแต่หลังจากนั้นไม่นานกลับละเลยกันเสียดื้อๆ เหมือนเอายางลบมาลบความรู้สึกที่มีต่อกันทิ้ง ดังนั้นถ้าย้อนเวลาคืนมาได้ เธอขอความเยาว์วัยของเธอคืนมาเพราะนั่นคือครั้งแรกของเธอ (คลิกที่นี่เพื่อฟังเพลง)

ภาพจาก: Twitter @taylorswift13

ภาพจาก: IG johnmayer

โดยนอกจากตัวเลขอายุ 19 ปีนั้นจะเท่ากับอายุตอนที่ “เทย์เลอร์ สวิฟต์” เดตกับ “จอห์น เมเยอร์” ในช่วงปลายปี 2009 ถึงต้นปี 2010 โดยเขาอายุห่างจากเธอกว่ารอบแล้ว พฤติกรรมของฝ่ายชายในเพลงก็ดูจะตรงกับพฤติกรรมคาสโนว่าของ “จอห์น เมเยอร์” ไม่น้อย 

ก่อนหน้านี้ “เทย์เลอร์ สวิฟต์” เคยแต่งเพลง Dear John ในอัลบั้มชุดที่สามเมื่อปี 2010 หรือไม่นานหลังเลิกรากัน ซึ่งหลายคนเชื่อว่า “จอห์น” คนในเพลงก็หมายถึง “จอห์น เมเยอร์” นั่นเอง ดังนั้นพอได้ฟังเพลง Would’ve, Could’ve, Should’ve กันแล้วหลายคนก็โพสต์ไปในทางเดียวกันว่า “เอาแล้ว เพลงนี้น่าจะทำให้ ‘จอห์น เมเยอร์’ สะดุ้งตื่นกลางดึกแล้วเสียวสันหลังวาบๆ แน่นอน นี่น่าจะเป็นอีกเพลงที่ทำให้เขาได้ชดใช้ในสิ่งที่ทำกับเธอเอาไว้”  

ภาพจาก: Youtube Taylor Swift

ภาพจาก: IG johnmayer

ภาพจาก: Twitter @taylorswift13

ภาพจาก: Twitter @taylorswift13

ภาพจาก: AP

ภาพจาก: Twitter #JohnMayer

ภาพจาก: Twitter #JohnMayer

ภาพจาก: Twitter #JohnMayer

ภาพจาก: Twitter #JohnMayer