TNN online แข่งดุ! ในวันที่ออนไลน์สตรีมมิ่ง ไม่ได้มีแค่ Netflix

TNN ONLINE

Tech

แข่งดุ! ในวันที่ออนไลน์สตรีมมิ่ง ไม่ได้มีแค่ Netflix

แข่งดุ! ในวันที่ออนไลน์สตรีมมิ่ง ไม่ได้มีแค่ Netflix

ยุคที่ออนไลน์สตรีมมิ่งแข่งขันกันดุเดือด มาดูกันว่ามีผู้ให้บริการเจ้าไหนกันบ้าง และเปรียบเทียบค่าบริการจะใช้ของค่ายไหนจึงจะคุุ้มกว่ากัน?

ธุรกิจ Online Streaming Content ในปี 2562 น่าจะเป็นปีที่การแข่งขันกันดุเดือด เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป การดูโทรทัศน์แบบดั้งเดิม อาจไม่ตอบโจทย์ด้วยเหตุผลที่ว่า ใช้เวลาหมดไปกับการทำงาน การเดินทาง คนดูทีวีน้อยลง 

ในยุคที่ออนไลน์สตรีมมิ่งแข่งขันกันดุเดือด มาดูกันว่ามีผู้ให้บริการเจ้าไหนกันบ้าง และเปรียบเทียบค่าบริการจะใช้ของค่ายไหนจึงจะคุุ้มกว่ากัน เริ่มต้นกันที่ 

Netflix

แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอันดับ 1 ในสหรัฐที่เข้ามาไทยเมื่อช่วงปี 2559 ที่แต่เดิมเป็นผู้ให้บริการเช่ายืมดีวีดีผ่านทางไปรษณีย์ ปัจจุบันมีผู้ใช้แบบลงทะเบียนชำระค่าบริการทะลุ 150 ล้านคน กว่า 109 ประเทศ โดยที่ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมามีสมาชิกเพิ่มขึ้นถึง 9 ล้าน 6 แสนรายทั่วโลก ซึ่งที่เน็ตฟลิกซ์สามารถครองใจผู้บริโภคคือเรื่องคอนเทนต์ที่มีความหลากหลายทั้งใหม่และเก่า

ออริจินัลคอนเทนต์ที่ทำออกมาได้อย่างมีคุณภาพและสามารถหาดูได้แค่ในเน็ตฟลิกซ์เท่านั้น ปีที่ผ่านมา เน็ตฟลิกซ์ เพิ่มฟีเจอร์ Interactive ให้ผู้ชมสามารถกำหนดเรื่องราวต่อไปได้เอง

LINE TV

ที่ประกาศวิสัยทัศน์ปี 2562-2564 ตั้งเป้าเป็นแพลตฟอร์มทีวีออนไลน์ของคนไทย ที่พัฒนาโดย ไลน์ คอร์ปอเรชั่น เพราะไลน์ทีวีเปิดให้บริการที่ไทยเป็นแห่งแรก

สิ่งที่แตกต่างและน่าจับตาของไลน์ทีวีคือ การให้ผู้บริโภคดูคอนเทนต์ฟรี  ไม่คิดค่าราคาสมาชิกรายเดือน หรือรายปี  รวมทั้งยังมีฐานจากจำนวนผู้ใช้ไลน์ในประเทศไทยกว่า  44 ล้านคน

ขณะที่คอนเทนต์ส่วนใหญ่จะเป็นรายการทีวีรีรัน แต่ก็ใช่ว่าไลน์ทีวีจะไม่มีออริจินัลคอนเทนต์ เพราะไลน์ทีวีที่เร่งออกไปเป็นพาร์ทเนอร์กับช่องทีวีดิจิทัลต่างๆ เพื่อสร้างซีรีส์ หรือรายการมาลงในแพลตฟอร์มตัวเอง

VIU

"VIU" แพลตฟอร์มสีเหลืองสดใสเป็นเอกลักษณ์ ที่เลือกกลุ่มเป้าหมายแบบชัดเจน แต่ VIU  ไม่ได้เป็นแพลตฟอร์มของสัญชาติเกาหลีแต่อย่างใด แต่เป็นบริษัทในเครือ PCCW Media Group ของฮ่องกง จุดเด่นของ VIU มองว่า คือ การจับกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นคนเป็นคอซีรีส์ และวาไรตี้เกาหลีโดยเฉพาะ

และล่าสุดจากค่าย Apple ที่ใช้ชื่อว่า Apple TV+ และยิ่งเป็นลูกค้าที่ซื้อฮาร์ดแวร์ iPhone, iPad, Apple TV, iPod touch, Mac ก็ยังได้ใช้ Apple TV+ ฟรีนาน 1 ปี

แต่ปัญหาคือ ในมุมมองของคนทั่วไป ยังมีความรู้สึกว่า Apple TV+ ยังไม่ค่อยมีอะไรให้ดู หรือมีคอนเทนต์ไม่เยอะพอจะดึงดูด Apple TV+ ดีเดย์ให้บริการ 1 พฤศจิกายนนี้

ปิดท้ายกันที่ Disney เตรียมเปิดให้บริการดิสนีย์พลัส (Disney+) วันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ ที่ยกความบันเทิงมาหมดค่าย Disney ทั้ง Pixar, Marvel, Star Wars และสารคดีอย่าง National Geographic 

แข่งดุ! ในวันที่ออนไลน์สตรีมมิ่ง ไม่ได้มีแค่ Netflix

ส่วนเรื่องราคา ยกตัวอย่างเช่น

Apple TV+ (เปิดให้บริการ 1 พ.ย. 62)

ทดลองใช้ฟรี 7 วัน สมัครสมาชิก 99 บาท ต่อเดือน ใช้ร่วมกันได้สูงสุดถึง 6 คน *ต่ออายุอัตโนมัติจนกว่าจะกดยกเลิก พิเศษ! ใช้ Apple TV+ ฟรี 1 ปี เมื่อซื้อ iPhone, iPad, iPod touch, Mac หรือ Apple TV เครื่องใหม่

Disney+ (เปิดให้บริการในต่างประเทศ 12 พ.ย. 62)

เริ่มต้นที่ 6.99 ดอลล่าร์ ต่อเดือน (225 บาท) และ 12.99 ดอลลาร์ (396 บาท)ต่อเดือน ดู Hulu, ESPN+ ได้ด้วย

Netflix (เปิดให้บริการในไทยแล้ว)

ความคมชัดระดับ SD ดูได้ 1 หน้าจอ เริ่มต้นที่ 280 บาทต่อเดือน

ความคมชัดระดับ HD ดูได้ 2 หน้าจอ 350 บาทต่อเดือน

ความคมชัดระดับ UHD 4K ดูได้ 4 หน้าจอ 420 บาทต่อเดือน

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง