ไทม์ไลน์..ชะตากรรม”ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์”ก่อนย่างเท้าก้าวเข้าคุก!
15 มกราคม 2563 พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.ผู้ทรงเกียรติแห่งพรรคพลังประชารัฐ ผู้ที่มีหมายจับติดตัวจากศาล ถือเป็นเวลาแห่งการนับถอยหลังก่อนเดินเข้าคุกรับโทษตามคำพิพากษา 4 ปี ในคดีล้มการประชุมอาเซียน
ถือเป็นกรรมเก่าก็ว่าได้
สำหรับชะตาชีวิตของ”พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์”
อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ผู้ที่ตกที่นั่งลำบากในฐานะ
1 ในจำเลยที่ถูกศาลฎีกาตัดสินจำคุก 4 ปี
พฤติการณ์การกระทำความผิด ย้อนไปเมื่อ
10 ปีที่แล้ว ระหว่างวันที่ 10-11 เมษายน 2552 พ.ต.ท.ไวพจน์ และ พวกเคลื่อนพลเข้าปิดล้อมหน้าโรงแรมรอยัล
คลิฟ บีช รีสอร์ท เมืองพัทยา แล้วบุกเข้าในโรงแรม
เพื่อยื่นหนังสือประท้วงต่อตัวแทนอาเซียน
เกิดเหตุชุลมุนจนต้องล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา
ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ
วันที่ 5 มีนาคม 2558 ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก
4 ปี
โดยไม่รอลงอาญา พวกจำเลยอุทธรณ์ต่อสู้ แต่หลักฐานหักล้างข้อกล่าวหาไม่ได้ ทำให้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
คือยังคง จำคุก 4 ปี
วันที่ 11 กันยายน 2562 ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์
พิพากษาตัดสินจำคุก โดยวันนั้นจำเลยที่มาฟังคำสั่งคดี
คือ นายศักดา นพสิทธิ์ เพียงคนเดียวเป็นเวลา 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา ขณะเดียวกัน ศาลมีคำสั่งยกฟ้อง นายสมญศฆ์ พรหมมา เพราะเป็นมวลชนไม่ใช่แกนนำ
ในวันนั้น
ทนายได้ยื่นคำร้องต่อศาลว่า นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง และ นพ.วัลลภ ยังตรง ไม่ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษา
เนื่องจากทั้งสองมีอาการป่วย พร้อมนำใบรับรองแพทย์มาแสดง
ซึ่งศาลจังหวัดพัทยาได้พิจารณาคำร้อง เห็นว่าอาการป่วยนั้นไม่ได้เป็นโรคร้ายแรง
จึงไม่อนุญาตให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา และให้ออกหมายจับจำเลยทั้งสอง
เพื่อมาฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาคดีนี้อีกครั้ง
ส่วนจำเลยผู้ทรงเกียรติ
พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ที่เป็น ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และ นายสำเริง
ประจำเรือ , นายวรชัย เหมะ อ้างว่ายังไม่ได้รับหมายเรียกที่ศาลแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษา จึงไม่ได้เดินทางมาศาล
โดยศาลจังหวัดพัทยาพิจารณาแล้ว
ให้ออกหมายเรียกจำเลยทั้งสามมาฟังคำพิพากษาอีกครั้งใน วันที่ 31 ตุลาคม 2562
หลังวันเวลาผ่านไป 1
เดือนกับ 19 วัน เข้าสู่วันศาลฎีกานัดพิพากษาโทษ 31 ตุลาคม 2562 ซึ่งแน่นอนสิ่งที่หลายคนไม่คาดคิดได้เกิดขึ้น
เมื่อ พ.ต.ท.ไวพจน์
อาภรณ์รัตน์ และพวกรวม 3 จำเลย ได้ยื่นคำร้องขอถอนคำให้การและรับสารภาพ เพื่อหวังให้ศาลปราณีพิจารณาบรรเทาโทษ
แม้จะเป็นความหวังที่ริบหรี่ก็ตามที
แต่เมื่อโอกาสสุดท้ายได้มาถึง
วันที่ 3 ธันวาคม 2562 ศาลจังหวัดพัทยานัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาคดีอาญาหมายเลขดำที่
อ.3537/2552 คดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.8488/2552 ระหว่างพนักงานอัยการ
สำนักงานอัยการจังหวัดพัทยา โจทก์ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 18 คน
โดยในส่วนของ
จำเลยที่ 3 คือ
พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ จำเลยที่ 6 นายสำเริง ประจำเรือ และจำเลยที่ 13 นายวรชัย
เหมะ ไม่ได้เดินทางไปศาล โดยส่งผู้รับมอบอำนาจและทนายไปแทน
ทำให้ศาลฎีกาพิเคราะห์คำร้องจำเลย
ใน 3 ประเด็น คือ
ประเด็นที่ 1 กรณี
จำเลยที่ 3 จำเลยที่
6 และจำเลยที่
13 ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การเดิมจากปฎิเสธเป็นรับสารภาพ
ศาลฎีกามีคำสั่งว่าการแก้ไขหรือเพิ่มเติมคำให้การต้องกระทำก่อนศาลพิพากษา
การที่จำเลยมายื่นในชั้นฎีกาเป็นการต้องห้าม
ยกคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา163 วรรค2
ประเด็นที่
2 กรณี ผู้รับมอบอำนาจ จำเลยที่
3 (พ.ต.ท.ไวพจน์)ยื่นคำร้องขอเลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกา
โดย จำเลยที่ 3 ให้เหตุผลว่าเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอยู่ระหว่างการประชุมพรรค
ศาลฎีกามีคำสั่งว่า
แม้จำเลยที่ 3 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
แต่คดีนี้เสร็จการพิจารณาเสร็จแล้วไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560
มาตรา
125 ประกอบกับการขอเลื่อนคดีมีลักษณะเป็นการประวิงคดี จึงไม่อนุญาตให้เลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกา
ส่วนของจำเลยที่ 6 และจำเลยที่
13 ศาลพิพากษา ให้จำคุกจำเลย คนละ 4 ปี ปรับคนละ 200
บาท
ส่วนจำเลยที่ 3 ให้เลื่อนฟังคำพิพากษาไปอ่าน
วันที่ 15 มกราคม 2563 เวลา 09.00
น.
และให้ออกหมายจับจำเลยที่ 3 และปรับนายประกันจำเลยที่
3 เต็มตามสัญญาประกัน
ดังนั้น หลังปีใหม่ วันที่ 15 มกราคม 2563 พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.ผู้ทรงเกียรติแห่งพรรคพลังประชารัฐ พรรคแกนนำรัฐบาล ที่วันนี้ เขาบอกว่า ยังมีเอกสิทธิ์คุ้มครอง ทั้งๆที่มีหมายจับติดตัวจากศาล...ถือเป็น ช่วงเวลาระทึก แห่งการนับถอยหลังก่อนเดินเข้าคุกรับโทษตามคำพิพากษา 4 ปี เพื่อชดใช้กรรมเก่า ของ”ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์”
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand