TNN online "เหนื่อยหอบจนปวดตับ" เกิดจากอะไร? หมออดุลย์ อธิบายชัด

TNN ONLINE

Health

"เหนื่อยหอบจนปวดตับ" เกิดจากอะไร? หมออดุลย์ อธิบายชัด

เหนื่อยหอบจนปวดตับ เกิดจากอะไร? หมออดุลย์ อธิบายชัด

"หมออดุลย์" โพสต์เรื่อง "เหนื่อยหอบจนปวดตับ" เกิดจากอะไร คนออกกำลังกายต้องรู้ พร้อมแนะวิธีป้องกัน

"หมออดุลย์" โพสต์เรื่อง "เหนื่อยหอบจนปวดตับ" เกิดจากอะไร คนออกกำลังกายต้องรู้ พร้อมแนะวิธีป้องกัน


ศ.คลินิก นพ.อดุลย์ รัตนวิจิตราศิลป์ รองคณบดีฝ่ายสารสนเทศคณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก บันทึกเรื่องน่ารู้ by Dr.Adune เรื่อง เหนื่อยหอบจนปวดตับ โดยระบุว่า


"เคยไหมที่เวลา ออกกำลังกายหนักๆ วิ่งเร็วๆ ไปสักพัก ก็เหนื่อยมาก หอบด้วย จุกลิ้นปี่ด้วย เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในร่างกายเรา


เราเคยได้ยินเรื่อง “ร้อนตับแตก” ซึ่งเป็นเรื่องของตับจากที่ใช้มุงหลังคา พอร้อนตับจากแห้งก็แตกแยกตัวออกจากกัน เรียกว่าตับแตก แต่กรณีออกแรงมากๆ เช่น วิ่งเร็วๆ หรือ ยกของหนักๆ และ เหนื่อยมากจน “ตับแลบ” หรือ “จุกตับ” เป็น ลักษณะที่เกิดกับ ตับ ของคนเราเป็นตับจริงๆ


โดยปกติ เลือดในร่างกาย จะไหลผ่านตับเพื่อลำเลียง สารอาหารที่สะสมไว้ในรูป Glycogen ไปให้ร่างกายใช้ โดยลำเลียงเข้าไปที่หัวใจก่อนจะสูบฉีดไปยังส่วนอื่นของร่างกาย ยามที่ต้องออกกำลังกายหนักขึ้น จำเป็นต้องใช้พลังงานมากขึ้น จึงมีการสลาย glycogen ที่ตับ เพื่อเปลี่ยนเป็น glucose สำหรับใช้เป็นพลังงานมากขึ้น ในการสลายตัวนี้ใช้พลังงานบางส่วน และ เกิดของเสียขึ้นบางส่วน แต่ในภาวะปกติตับจะสามารถกำจัดของเสียที่เกิดจากการใช้พลังงานได้ทันเวลา และ ไม่เกิดอันตรายใดๆ 


แต่ในกรณีที่มีการออกกำลังมากเกินกว่าปกติที่ร่างกายจะทนได้ จะมีการสลายพลังงานออกมามาก และ เกิดของเสียมากเกินกว่าที่ตับ จะขับออกได้ ทำให้เซลล์ตับจมอยู่กับของเสียเหล่านั้น ทำให้เซลล์ตับบวมขึ้น ในอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เซลล์ตับบวมขึ้น เพราะเวลาออกกำลังกายหนักๆหัวใจจะเต้นเร็วขึ้นมาก และ การที่หัวใจเต้นเร็ว ไม่ใช่ว่าเลือดจะไหลผ่านหัวใจได้มากขึ้นตามไปด้วย แต่การเต้นเร็วเกิน ทำให้มีเวลาเลือดไหลกลับเข้าหัวใจน้อยลง ทำให้มีเลือดท้นออกมาที่ตับเกิดการคั่งของเลือดที่ตับเหมือนน้ำท่วมตับทำให้ตับบวมขึ้น


เมื่อรวมทั้ง 2 สาเหตุ คือ ใช้พลังงานมากเกินของเสียมากเกินทำให้ตับบวม และ เลือดไหลผ่านหัวใจน้อยลง ท้นมาที่ตับทำให้ตับบวม จึงทำให้คนที่ออกกำลังกายหนักเกินไปเกิดภาวะเลือดคั่งที่ตับ ตับบวมขึ้นกว่าปกติ ร่างกายรับรู้ได้ ด้วยอาการจุกแน่น ลิ้นปี่ หรือ ที่เรียกว่า จุกตับ หรือ ตับแลบ (เพราะตับที่โตขึ้น บวมขึ้น จะแลบยื่นออกมาที่ชายโครง) 


มีการศึกษาในหนูทดลอง โดยแบ่งหนูเป็น 5 กลุ่ม กลุ่มแรกไม่ได้ออกกำลังกาย กลุ่มที่ 2 ออกกำลังกายหนักปานกลาง 1 ชั่วโมง กลุ่มที่ 3 ออกกำลังกายหนักปานกลาง 6 ชั่วโมง กลุ่มที่ 4 ออกกำลังกายหนักมาก 1 ชั่วโมง กลุ่มที่ 5 ออกกำลังกายหนักมาก 6 ชั่วโมง เมื่อออกกำลังกายเสร็จ นำหนูทุกตัวไปชันสูตร และ ตรวจดูลักษณะของเนื้อตับ พบว่า หนูที่ออกกำลังกายหนัก มีภาวะเนื้อตับบวม และ อักเสบ ยิ่งหนักมาก ยิ่งนานมาก ยิ่งมีความผิดปกติมาก ตามลำดับ


ดังนั้น การออกกำลังกาย ควรทำแต่พอดีไม่ให้เหนื่อยเกินไป เมื่อร่างกายเราเตือนแล้วก็ควรจะผ่อนลงไม่ควรฝืน ร่างกายเราจะปรับตัวได้ถ้าออกกำลังกายสม่ำเสมอ การไหลเวียนเลือดจะดีขึ้น เราจะออกกำลังกายได้หนักมากขึ้นระยะแรกๆ ไม่ควรหักโหม ออกกำลังกายหนักๆค่อยเป็นค่อยไป"






ที่มา บันทึกเรื่องน่ารู้ by Dr.Adune

ภาพจาก AFP

ข่าวแนะนำ