TNN online "ริดสีดวงทวาร" รักษาอย่างไร หัวไชเท้าผสมน้ำผึ้งช่วยได้ จริงหรือ?

TNN ONLINE

Health

"ริดสีดวงทวาร" รักษาอย่างไร หัวไชเท้าผสมน้ำผึ้งช่วยได้ จริงหรือ?

ริดสีดวงทวาร รักษาอย่างไร หัวไชเท้าผสมน้ำผึ้งช่วยได้ จริงหรือ?

ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ไขข้อสงสัย หัวไชเท้าผสมน้ำผึ้งรักษา "โรคริดสีดวงทวาร" ได้จริงหรือ กรมการแพทย์แผนไทยฯ ชี้แจงแล้ว

ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ไขข้อสงสัย หัวไชเท้าผสมน้ำผึ้งรักษา "โรคริดสีดวงทวาร" ได้จริงหรือ กรมการแพทย์แผนไทยฯ ชี้แจงแล้ว


จากที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กเผยแพร่ข้อมูลโดยระบุว่า หัวไชเท้าผสมน้ำผึ้งรักษาโรคริดสีดวงทวาร ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข โดยได้ชี้แจงว่า สูตรการใช้หัวไชเท้าผสมน้ำผึ้งรับประทานเพื่อบรรเทาอาหารหรือรักษาโรคริดสีดวงทวาร เป็นสูตรที่มีการกล่าวถึงในลักษณะการใช้แบบพื้นบ้านเพื่อการดูแลตนเองและมีการบอกต่อกันมา โดยยังไม่สามารถหาแหล่งที่มาของสูตรดังกล่าวที่ชัดเจนได้ และไม่ปรากฏหลักฐานข้อมูลการวิจัยทางคลินิกเกี่ยวกับประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และความปลอดภัยของการใช้หัวไชเท้าหรือสูตรหัวไชเท้าผสมน้ำผึ้งในการรักษาโรคริดสีดวงทวาร


จึงไม่แนะนำให้ใช้สูตรดังกล่าวในการดูแลรักษาโรคริดสีดวงทวาร เนื่องจากยังไม่ปรากฏหลักฐาน ข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และความปลอดภัย ทั้งนี้ ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หรือปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์เพื่อรับคำแนะนำหรือการรักษาที่เหมาะสม รวมทั้งไม่ควรเชื่อวิธีการรักษาโรคจากข่าวสารออนไลน์ที่ไม่ใช่ผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์และสาธารณสุข เนื่องจากอาจเป็นอันตรายได้


ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือประชาชนให้งดแชร์หรือส่งต่อข้อมูลที่เป็นเท็จไปในช่องทางสื่อโซเชียลต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สามารถติดตามข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ www.dtam.moph.go.th หรือโทร. 02 5917007


บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ปัจจุบันยังไม่ปรากฏหลักฐาน ข้อมูลการวิจัยทางคลินิกเกี่ยวกับประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และความปลอดภัยของการใช้หัวไชเท้าหรือสูตรหัวไชเท้าผสมน้ำผึ้งในการรักษาโรคริดสีดวงทวาร



รู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคริดสีดวงทวารหนัก ข้อมูลจาก โรงพยาบาลบํารุงราษฎร์ 

ความจริงโรคริดสีดวงสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนและไม่จำเป็นต้องผ่าตัดรักษาเสมอไปหากไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกวิธีแต่เนิ่นๆ


โรคริดสีดวงทวารเกิดขึ้นได้อย่างไร

เกิดจากการโป่งหรือการพองของกลุ่มเส้นเลือดดำที่อยู่ใต้ผิวของเยื่อบุผนังบริเวณทวารหนัก เส้นเลือดดำที่โป่งพองเหล่านี้จะดันให้ผิวของเยื่อบุผนังบริเวณทวารหนักโป่งพองขึ้นมาด้วย หากเส้นเลือดโป่งพองไม่มากนัก คนไข้จะไม่มีอาการใดๆ แต่หากโป่งพอขึ้นมามากจะทำให้เห็นเป็นก้อนนูนขึ้นมาจากผิวซึ่งเรียกว่าหัวของริดสีดวงทวาร


สังเกตอาการได้อย่างไรว่าเป็นโรคริดสีดวงทวาร

อาการที่แสดงให้สงสัยว่าเป็นโรคริดสีดวงทวารมีอยู่ 2 อย่างคือ มีเลือดสีแดงสดๆออกมาเวลาเบ่งถ่ายอุจจาระ อาจออกมาเป็นเลือดฉาบบนผิวของอุจจาระหรือมีคราบเลือดสดติดอยู่บนกระดาษชำระเวลาที่เช็ดและมีหัวริดสีดวงโผล่ออกมาจากรูทวารหนัก ลักษณะความรุนแรงของอาการแบ่งออกได้เป็น 4 ระดับด้วยกันดังนี้


-ระดับที่หนึ่ง มีเลือดออกให้เห็นโดยไม่มีอาการเจ็บปวดและไม่มีหัวริดสีดวงโผล่ออกมาจากรูทวารหนักเวลาถ่ายอุจจาระ

-ระดับที่สอง มีหัวริดสีดวงโผล่ออกมาจากทวารหนัก แต่ยุบหายไปเมื่อถ่ายอุจจาระเสร็จ

-ระดับที่สาม เมื่อถ่ายเสร็จแล้วหัวริดสีดวงยังคงจุกอยู่ที่ทวารหนัก ต้องใช้นิ้วมือดันจึงจะหายเข้าไป

-ระดับที่สี่ หัวริดสีดวงไม่ยอมผลุบเข้าไปแม้ใช้นิ้วมือดัน ทำให้รู้สึกรำคาญจนถึงมีอาการเจ็บปวด 


นอกจากโรคริดสีดวงทวารชนิดภายในแล้วยังมีริดสีดวงทวารอีกประเภทที่เรียกว่าโรคริดสีดวงทวารภายนอกชนิดที่มีเลือดขังอยู่ (Thrombosed external hemorrhoid) ซึ่งเกิดจากการมีลิ่มเลือดแข็งค้างอยู่ในกลุ่มเส้นเลือดดำบริเวณปากทวารหนัก ริดสีดวงทวารชนิดภายนอกนี้ เมื่อมีอาการจะทำให้รู้สึกปวดอย่างเฉียบพลันพร้อมมีก้อนนูนแข็งบริเวณด้านนอกของปากทวาร

 

เมื่อไหร่จึงควรมาพบแพทย์

โรคริดสีดวงทวารอาจมีอาการคล้ายคลึงกับโรคอื่นๆทั้งที่ไม่ร้ายแรงและร้ายแรง เช่น โรคติดเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรีย โรคมะเร็งบริเวณทวารหนักหรือมะเร็งลำไส้ใหญ่ ดังนั้นจึงควรมาพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยให้แน่ชัดตั้งแต่แรก คนไข้อาจรักษาตัวเองได้เมื่อเป็นโรคริดสีดวงทวารในระดับแรกๆ แต่เมื่อใดที่มีอาการจนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น รู้สึกเจ็บปวด มีเลือดออกเป็นประจำ หรือต้องใช้มือดันหัวริดสีดวงเข้าไป ควรมาพบแพทย์เพื่อได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม

 

การรักษาโรคริดสีดวงในแต่ละระดับแตกต่างกันอย่างไร

-โรคริดสีดวงในระดับแรก และระดับที่สองสามารถใช้เพียงยาทาหรือยาเหน็บในเวลาที่มีอาการเลือดออก ร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารและการขับถ่าย แต่หากใช้ยาแล้วไม่ได้ผล มีทางเลือกในการรักษาอีก 2 วิธีคือ การฉีดยาเข้าไปบริเวณหัวของริดสีดวงทวารหรือการใช้ยางเส้นเล็กๆรัดที่ขั้วของหัวริดสีดวงทวาร หลังการรักษาจะมีอาการปวดเล็กน้อยเพียง 1-2 วันและสามารถรักษาด้วยวิธีการเดิมซ้ำได้

-ระดับที่สาม การรักษาด้วยยาฉีดมักไม่ได้ผล แต่ยังสามารถรักษาด้วยวิธีการใช้ยางรัดได้ หากรักษาด้วยวิธีนี้ 2-3 ครั้งแล้วไม่ได้ผล แพทย์จะใช้วิธีการผ่าตัดหัวริดสีดวงออกไป ในปัจจุบันนอกจากการผ่าตัดโดยวิธีธรรมดาแล้ว ยังมีวิธีการผ่าตัดโดยใช้เครื่องมือตัดเย็บอัตโนมัติที่เรียกว่า staple ช่วยให้สามารถตัดหัวริดสีดวงได้โดยรอบ ใช้เวลาในการผ่าตัดสั้นลงและเจ็บปวดหลังการผ่าตัดน้อยกว่าวิธีธรรมดา หรืออาจเป็นการใช้ laser หรือการผูกเส้นเลือดริดสีดวงซึ่งจะทำการเจ็บหลังการผ่าตัดน้อยกว่า

-ระดับที่สี่ เป็นระยะที่ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บทุกข์ทรมารเพราะหัวริดสีดวงโผล่ บวมและอักเสบอยู่ภายนอกตลอดเวลา ดังนั้นแพทย์มักจะรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด




ที่มา ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม / โรงพยาบาลบํารุงราษฎร์

ภาพจาก AFP

ข่าวแนะนำ