รู้จัก’พยาธิปอดหนู’ กินสุกๆ ดิบๆ ก่อให้เกิดโรค อันตรายถึงชีวิต
จากกรณีที่สาววัย 40 ปี ป่วยโรคพยาธิปอดหนูขึ้นตา จนตาบอด หลังชอบรับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ เป็นประจำ โดยเฉพาะกุ้งแช่น้ำปลา ทีมงาน TNN Health จึงได้หาข้อมูลเกี่ยวกับโรคพยาธิปอดหนู มานำเสนอเพื่อเป็นความรู้ให้กับแฟนเพจ
พยาธิปอดหนู (Angiostrongylus cantonensis) เป็นพยาธิตัวกลมในสกุล Angiostrongylus ซึ่งตัวเต็มวัยที่แบ่งออกเป็น 2 เพศ ได้แก่ เพศผู้และเพศเมีย พบครั้งแรกในค.ศ. 1935 จากเส้นเลือดปอดหนูที่มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ซึ่งมีการรายงานจํานวนผู้ติดเชื้อพยาธิปอดหนูโลกมากกว่า 2,827 ราย รวมถึงประเทศไทยที่มีผู้ป่วยมากถึง 1,337 ราย โดยพบครั้งแรกปี พ.ศ. 2503 ในผู้ป่วยเยื่อหุ้มสมองอักเสบ แพทย์วินิจฉัยมีสาเหตุมาจากการรับประทานหอยโข่ง
.
แหล่งที่พบ
ปัจจุบันสามารถพบพยาธิปอดหนูได้ทั่วโลกโดยเฉพาะแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และหมู่เกาะแปซิฟิก
.
อาหารอะไรที่พบพยาธิปอดหนู
ทั้งนี้ มนุษย์สามารถได้รับตัวอ่อนระยะติดต่อจากการทานหอยชนิดต่าง ๆ แบบสุก ๆ ดิบ ๆ ทั้งหอยน้ำจืด หอยบก ทาก รวมไปถึงพาราเทนิก เช่น กบ, คางคก, ลูกอ๊อด, กุ้งน้ำจืด, ปลาน้ำจืด และตะกวด เป็นต้น นอกจากนี้ การทานผักสดหรือดื่มน้ำที่มีการปนเปื้อนระยะติดต่อก็สามารถทําให้ติดพยาธิปอดหนูได้
.
อันตรายที่ก่อให้เกิดโรค
มีรายงานว่า พยาธิปอดหนูทําให้เกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ระยะฟักตัวของการแสดงอาการกินเวลาประมาณ 7 – 30 วัน หลังจากที่ได้รับระยะติดต่อ อาการเริ่มแรกจะมีไข้เป็น ๆ หาย ๆ , ปวดท้อง, คลื่นไส้, อาเจียน, ปวดศีรษะบริเวณหน้าผาก, คอแข็ง บางรายมีอาการตาพร่ามัว เนื่องจากพยาธิมีการเดินทางเข้าตา นอกจากนี้ ยังมีอาการเกร็งตามกล้ามเนื้อ สูญเสียการทรงตัว บางรายรุนแรงถึงเป็นอัมพาตและเสียชีวิตได้
.
ส่วนความรุนแรงของโรคขึ้นอยู่กับจํานวนพยาธิที่ได้รับเข้าไป และการตอบสนองของร่างกายต่อพยาธิ
.
ยารักษา
ปัจจุบันพยาธิปอดหนู ยังไม่มียาจําเพาะในการรักษาโรค สําหรับผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง เช่น ปวดศีรษะ, คลื่นไ,ส้ อาเจียน การให้ยาแก้ปวดก็สามารถที่จะระงับอาการของโรคได้ ส่วนในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงหรือมีภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบรักษาด้วยยา prednisolone
.
ที่มา : บทความวิชาการ พยาธิปอดหนูและโฮสต์ตัวกลางในธรรมชาติ อับดุลฮากัม ดูมีแด* และอภิชาติ วิทย์ตะ ภาควิชาจุลชีววิทยาและปรสิตวิทยา คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ ม.นเรศวร
ภาพ : คณะแพทยศาสตร์ ม.นเรศวร
.
ติดตาม TNN Health ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
Website : https://www.tnnthailand.com/
Youtube : https://bit.ly/TNNHealthYoutube
TikTok : https://bit.ly/TNNHealthTikTok
Line @TNNONLINE : https://lin.ee/4fP2tltIo
หรือดูรายการ Live ได้ทาง https://www.facebook.com/TNN16LIVE